กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง
เตือนเด็กไทยน่าห่วง ประสบภาวะทุพโภชนาการพรานทะเลมอบ “ข้าวมือถือ มื้อนี้มีแต่ให้”ตระเวนทั่วไทย
ไม่น่าเชื่อว่ายุคนี้ เด็กไทยยังเกิดภาวะทุพโภชนาการ ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารเบี่ยงเบนไปจากปกติ อาจได้รับไม่เพียงพอ เกิน หรือผิดสัดส่วน เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล ภาวะทุพโภชนาการนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรง ซึ่งองค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและรณรงค์อย่างต่อเนื่องให้คนทั่วโลกตระหนักถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เหมาะสม สำหรับประเทศไทย กรมอนามัยได้เฝ้าติดตามการเจริญเติบโตของนักเรียนไทยพบว่า มีภาวะอ้วน เตี้ย และผอม โดยสาเหตุมากจากพฤติกรรมโภชนาการที่ไม่ถูกต้อง เด็กในเมืองกินผักผลไม้น้อย รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ชอบรสหวาน มัน เค็ม และขาดการออกกำลังกาย ในทางกลับกันเด็กๆในเขตที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ในถิ่นทุรกันดาร มีทางเลือกในการรับประทานอาหารไม่มาก ได้รับอาหารน้อยเกินไปจนทำให้ขาดสารอาหาร ดังนั้นภาวะทุพโภชนาการในเด็กๆ มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ได้จัด โครงการ “ข้าวมือถือ…มื้อนี้มีแต่ให้” นำข้าวมือถือซึ่งเป็นข้าวผัดบรรจุซองพร้อมรับประทาน จำนวน 300,000 ซองมอบแก่เด็กๆในพื้นที่ทุรกันดารซึ่งแคลนอาหารและประสบปัญหาทุพโภชนาการ ใน 21 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ได้รับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการและมีสารอาหารครบ 5 หมู่ อีกทั้งข้าวมือถือยังสามารถเก็บไว้ได้นาน 1 ปี รับประทานได้สะดวกไม่ต้องปรุง จึงเหมาะสำหรับเด็กๆ ทดแทนการรับประทานขนมหรืออาหารที่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งได้ร่วมมือกับคริสตจักรหัวสะพาน และตำรวจตระเวนชายแดน โดยมี ร้อยตรี ธวัชชัย อินทรโอภาส ผบ.ควบคุมส่วนลาดตระเวน ฉก.จงอางศึก ลงพื้นที่ชายแดนแพรกตะคร้อ และ บ้านป่าหมาก ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี มีภูมิประเทศห่างไกลและเดินทางสัญจรลำบาก มีชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยกะเหรี่ยงปกาเกอะญออาศัยอยู่กว่า 1,000 คน เป็นเด็กประมาณ 450 คน โดยการไปครั้งนี้พรานทะเลได้นำความรู้เรื่องการรับประทานอาหารเพื่อโภชนาการที่ดีไปแนะนำให้ผู้ปกครองและเด็กๆในพื้นที่ด้วย
ชลทิพย์ อุดมมหันติสุข ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดภาพรวม บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พรานทะเลไม่ได้แค่นำข้าวมือถือมาแจกให้น้องๆได้อิ่มท้องเท่านั้น แต่เรายังได้ประสานในชุมชนเพื่อให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ผู้ใหญ่ด้วย เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นคนจัดหาอาหารให้น้องๆรับประทาน ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นให้ความรู้ง่ายๆกับชาวบ้าน ทั้งการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และการหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงสุกๆดิบๆ รวมทั้งอาหารที่มีรสจัดเกินไป เด็กๆมักรับประทานรวมกับผู้ใหญ่ ดังนั้นกับข้าวที่มีรสจัดหรือเผ็ดเกินไปจะส่งผลต่อร่างกายเด็กได้ นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำเรื่องการหาอาหารในพื้นที่ ซึ่งไม่ได้มีราคาแพงเนื่องจากชาวบ้านที่นี่มีฐานะยากจน แต่เราจะบอกให้เขาได้รู้ถึงคุณค่าสารอาหารจากสิ่งรอบตัว เช่นผักใบเขียว ผักที่มีสีต่างๆ หรืออย่างโปรตีนนอกจากมาจากเนื้อสัตว์ ไข่ นมแล้ว ยังสามารถรับประทานถั่วที่มีราคาถูกกกว่าแต่ให้โปรตีนแก่ร่างกายได้เช่นกัน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอโดยเฉพาะในวัยเด็กที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงในอนาคต
ด.ญ. บวรลักษณ์ พูลลัด (น้องเล็ก) อายุ 8 ปี เล่าว่า “ดีใจมากที่พี่ๆมา เอาข้าวมือถือมาให้ ไม่เคยเห็นข้าวแบบนี้มาก่อน แปลกใจมากว่าข้าวไปรวมกับกับข้าวและอยู่ในซอง ปกติที่บ้านหนูหุงข้าวโดยใช้หม้อ หุงแบบสุกไม่มาก ข้าวจะแข็งๆ เพราะข้าวที่แข็งจะไม่เสียง่ายเก็บไว้ได้นานหลายวัน กินกับผัดผักปรุงด้วยเกลือ แต่วันนี้พี่ๆแนะนำว่า เราควรรับประทานข้าวที่หุงสุกทั่วกันทั้งหม้อ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทั้งเนื้อสัตว์ ไขมัน ผัก และผลไม้ วันนี้ลองกินข้าวมือถือรสข้าวผัดไก่กุนเชียงแล้วชอบมาก ข้าวนุ่ม มีทั้งเนื้อไก่ กุนเชียง และไข่เค็ม ซึ่งพี่ๆบอกว่ามีโปรตีนที่สร้างการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายเด็กๆอย่างหนู และยังมี แครอท ถั่วลันเตา ข้าวโพดอ่อน ซึ่งมีกากใยและวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ หนูสัญญาว่าจะกินข้าวเยอะๆจะได้โตไวๆ เพื่อทำงานช่วยเหลือพ่อแม่ในอนาคตค่ะ”
ด.ช. สุทธดร พิชิตบรรพต (น้องบอล) อายุ 11 ปี เล่าว่า “พี่มาสอนให้ผมกับที่บ้านได้รู้จักอาหาร 5 หมู่ ข้าวที่ให้พลังงาน และยังมีผักพื้นบ้านหลายชนิดมีประโยชน์ มีวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย ในแต่ละวันที่บ้านมักทำอาหารรสจัด เพราะทานรวมกันทั้งบ้าน แต่พี่ๆบอกว่าอาหารรสจัดหรือหมักดองไม่ดีกับเด็ก ควรทานอาหารสด เช่น ผักสดๆ รสชาติกลางๆ ไม่เผ็ด หวาน หรือเค็มจนเกินไป ยิ่งได้ลองกินข้าวมือถือรสพะแนงหมู คล้ายกับที่แม่เคยทำแต่เผ็ดน้อยกว่า อร่อยมากครับ มีทั้งหมู แครอท ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา พริกชี้ฟ้าและใบมะกรูด ทำให้วันนี้ผมมีความสุขกับการกินข้าวมื้อนี้มากครับ และกลับบ้านไปแม่บอกว่าจะทำกับข้าวที่ไม่เผ็ดให้ผมกับน้องๆกินครับ”
ด.ช. จงรัก ศุภรนานา (น้องเดิฟ) อายุ 6 ปี บอกว่า “เวลากินข้าวผมใช้มือหยิบข้าวในจานแล้วใส่ปากเลย วันนี้พี่ๆมาสอนว่าควรใช้ช้อนตักอาหาร มีช้อนกลางสำหรับกับข้าวเพื่อป้องกันการติดโรคได้ และวันนี้ผมยังได้กินข้าวมือถือด้วยครับ อร่อย ฉีกปุ๊บทานได้เลย ข้าวหอมนุ่ม มีกุนเชียง ไข่แดงที่ผมชอบด้วย พี่ๆบอกว่ามีประโยชน์ ผมอยากให้พี่ๆมาบ่อยๆครับ สนุกมาก พวกเราได้เรียนรู้ว่าอาหาร 5 หมู่จะทำให้เด็กอย่างผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง ผมจะกินข้าวให้หมดและแม่บอกว่าจะทำกับข้าวที่มีสารอาหารให้ผมทานทุกวันด้วยครับ”
เด็กเป็นทรัพยกรบุคคลที่สำคัญของการพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้นอาหารสำหรับเด็กจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สังคมจะละเลยหรือเพิกเฉยไม่ได้ เพราะอาหารส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการทางด้านร่างกาย และยังมีผลทางอ้อมต่อการเรียนรู้ของเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจ สรรหาอาหารที่มีประโยชน์และคุณค่าสารอาหารครบ 5 หมู่ รวมทั้งรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม