กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--สคร.12 สงขลา
เนื่องจากขณะนี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ เตือนคนไทยในภาคตะวันตกของประเทศซาอุดิอาระเบีย ในการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส โคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 หรือเมอร์สคอฟ ภายหลังพบการแพร่ระบาดเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศซาอุดิอาระเบีย หลังจากระบาดมา 2 ปี ล่าสุดองค์การอนามัยโลกรายงาน ณ วันที่ 16 เมษายน 2557 พบผู้ป่วยยืนยันจากทั่วโลก 238 ราย เสียชีวิตแล้ว 92 ราย สำหรับเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ เมิร์ส-โควี (Middle East Respiratory Syndrome Coronavirus : MERS-CoV) ซึ่งเชื้อนี้อยู่ในตระกูลเดียวกับโรคซาร์ส มีแหล่งแพร่มาจากสัตว์เลี้ยงเช่น อูฐ พื้นที่เกิดโรคอยู่ในประเทศตะวันออกกลาง แนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยพบชาวมาเลเซียติดเชื้อและเสียชีวิตหลังเดินทางกลับจากพิธี อุมเราะห์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งมีพยาบาลจากประเทศฟิลิปปินส์ที่ติดเชื้อจากการทำงานที่ตะวันออกกลาง ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ แต่เชื้อมีโอกาสแพร่มาไทยได้ตลอดเวลา จากการเดินทาง โดยเฉพาะการไปแสวงบุญที่ตะวันออกกลาง
ดร.นพ.สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา กล่าวว่า เชื้อโคโรน่าไวรัส จัดเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน ที่มีอาการรุนแรงคล้ายโรคซาร์ ผู้ที่ติดเชื้อโคโรน่าไวรัส มีอัตราการตายร้อยละ 30-40ซึ่งเชื้อจะลุกลามเข้าปอด อย่างรวดเร็ว ติดต่อได้ง่าย จากการไอจาม และการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วย โดยอาการจะมีไข้สูงร้อยละ 98 ไอร้อยละ 83 หายใจหอบร้อยละ 72 ถ่ายเหลวร้อยละ 26 อาเจียนร้อยละ 21 ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดร้อยละ 96 มีโรคประจำตัว 1 โรค หรือมากกว่า ได้แก่เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไตฯ ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการรุนแรงมาก คือไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลียหรืออาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และมีอาการไอและหอบเหนื่อย อย่างรวดเร็ว พบได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่มักจะมีอาการรุนแรงถึงเสียชีวิตในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและกลุ่มผู้สูงอายุ รวมทั้ง ผู้ที่เป็น โรคเรื้อรังประจำตัวเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯ การติดต่อ โดยการไอ หรือจาม และการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วย โดยเฉลี่ยเมื่อรับเชื้อแล้วจะมีอาการภายใน 2 – 4 วัน โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
สำหรับมาตรการป้องกัน ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามสถานการณ์การระบาดอย่างใกล้ชิด โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลทุกแห่งเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือมีไข้สูง ไอ ถ่ายเหลว อาเจียน และมีประวัติการเดินทางกลับจากประเทศที่พบผู้ป่วย หรือเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศที่พบผู้ป่วย หากพบผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าว ขอให้จัดอยู่ในข่ายสงสัย ให้ปฏิบัติตาม แนวทางการป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาลเช่นเดียวกับโรคซาร์ พร้อมนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมการจัดระบบดูแล ตรวจสุขภาพ คัดกรองชาวไทยมุสลิมประมาณ 10,000 คน ที่จะเดินทางไปร่วมพิธีฮัจย์ ในเดือนตุลาคม 2557
ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การปฏิบัติตัวของพี่น้องมุสลิมผู้ที่จะเดินทางไปแสวงบุญ (อุมเราะห์) ก่อนเดินทางเตรียมความพร้อมของร่างกาย โดยกินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเตรียมหน้ากากอนามัย ติดตัวไปด้วยระหว่างอยู่ต่างประเทศ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอหรือจาม หากจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่แออัด ให้ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง ควรล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ หากมีอาการน่าสงสัย หรือมีอาการไข้ ไอ หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์ทันทีและหลังเดินทางกลับมาในประเทศไทยและ ในระยะ 2 สัปดาห์ หากมีอาการไข้ไอ หอบเหนื่อย หรือมีอาการน่าสงสัยให้ไปพบแพทย์โดยด่วน พร้อมทั้ง แจ้งประวัติการเดินทาง หากสงสัยโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือปรึกษาหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่