เต้นรำเพื่อสุขภาพสมองที่ดีขึ้น

ข่าวทั่วไป Thursday April 24, 2014 16:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--เกรลิ่ง (ไทยแลนด์) “หากคุณอยากบริหารสมองและฝึกความจำละก็ ลุกขึ้นมาเต้นรำกันเถอะ” คำแนะนำจาก ดร. เทอรี่ กรอสแมน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์นานาชาติ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์แนชั่นแนล “การเต้นรำ ไม่ว่าจะจังหวะอะไรสไตล์ไหน ทั้งวอลซ์ แทงโก้ รุมบ้า หรือซัลซ่า เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดใน การออกกำลังกายสมองและเพิ่มความสามารถของสมอง เพราะต้องทำความเข้าใจกับท่าใหม่ ฟังเพลง ตัดสินใจ ตลอดจนจดจ่อกับจังหวะและท่าเต้น” ดร. เทอรี่ กล่าว การเรียนภาษาใหม่เพิ่มก็เป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่งในการออกกำลังกายสมอง ดร. เทอรี่ ยังแนะนำให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการทำงานหรือแม้แต่งานอดิเรก เช่น อ่านหนังสือ เล่นกีฬา ออกกำลังกาย เล่นเกมปริศนาอักษรไขว้ เล่นวิดีโอเกม เล่นดนตรี รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ มากมาย ใช้ หรือสูญเสีย ทำไมสุขภาพสมองจึงสำคัญ ดร. เทอรี่ กล่าวว่า “สมองมีความสำคัญเช่นเดียวกับหัวใจ สมองเปรียบเสมือนโรงไฟฟ้าของร่างกายที่มีเซลล์ประสาทหรือเซลล์สมองที่ใช้ในการคิดกว่าหนึ่งแสนล้านเซลล์ เซลล์เชื่อมต่อระบบประสาทกว่าหนึ่งล้านล้านเซลล์ ในขณะที่สมองมีสัดส่วนน้ำหนักเพียงแค่ร้อยละ 2 ของน้ำหนักร่างกาย แต่สมองมีความต้องการการไหลเวียนของเลือด ออกซิเจน และกลูโคส สูงถึงร้อยละ 20” เช่นเดียวกับอวัยวะที่สำคัญอื่นๆ สมองก็ต้องการการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์และเซลล์เชื่อมต่อใหม่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการจำและความคิดที่เฉียบแหลม การออกกำลังกายสมองตลอดช่วงชีวิตจะช่วยป้องกันการสูญเสียความจำ โรคอัลไซเมอร์ และโรคสมองเสื่อมชนิดต่างๆ ในเวลาต่อมาได้ ลดความเครียด การลดความเครียดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการรักษาความจำ เมื่ออายุมากขึ้น คนส่วนใหญ่มักมีอาการหลงๆ ลืมๆ เช่น ลืมชื่อคน ลืมว่าเก็บกุญแจบ้านหรือกุญแจรถยนต์ไว้ที่ไหน ดร. เทอรี่บอกว่า “คนส่วนใหญ่สูญเสียความทรงจำเพราะความเครียดมากกว่าโรคภัยหรือ การเจ็บป่วย” ดร. เทอรี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ความเครียดเป็นตัวทำลายความจำอันดับหนึ่ง สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกต คือ ความเครียดมีทั้งความเครียดที่ดีและไม่ดี ทุกคนควรรักษาความสมดุลของความเครียดทั้งสองส่วน" การนอน และการทานอาหาร กิจกรรมเพื่อลดความเครียดแบบง่ายๆ ได้แก่ การเล่นโยคะ การนวด การออกกำลังกาย การรำไท้เก็ก ฟังเพลง และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การนอนหลับสนิทในตอนกลางคืน เมื่อคนเราอ่อนล้าหรือเหนื่อยมากๆ ร่างกายจะเกิดความเครียดและความดันเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น ดร. เทอรี่ กล่าวว่า “การฟังเพลงเบาๆ อาบน้ำอุ่นๆ เป็นวิธีเตรียมตัวสำหรับการนอนหลับที่ดี สิ่งที่ไม่แนะนำอย่างยิ่งก่อนเข้านอน คือ การมองที่หน้าจอสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เนื่องจากแสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาจากอุปกรณ์เหล่านี้จะรบกวนการนอนหลับ เพราะมนุษย์ไม่คุ้นเคยกับแสงสีนี้ในเวลากลางคืน” สิ่งที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสุขภาพสมองได้ คือ อาหารที่มีคุณค่าและสมดุลทางโภชนาการ กล่าวคือ ควรรับประทานอาหารจำพวกปลา ผักและผลไม้สด หรือการดื่มไวน์ 1 แก้วต่อวัน ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากธรรมชาติอย่างแปะก๊วย วิโนซีติน ก็สามารถช่วยบำรุงสมองได้เช่นกัน ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัดและอาหารทอด เนื่องจากเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ หรือที่เรียกว่า "โรคเบาหวานของสมอง' นั่นเอง ดร. เทอรี่ กล่าวว่า “ในอนาคต การใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตที่แพร่หลาย จะเปลี่ยนวิธีการใช้สมองของเรา” "เทคโนโลยีจะมีอิทธิพลต่อวิธีการใช้สมองของเรา และอาจช่วยให้เราสามารถประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น การวิจัยและพัฒนาสมองอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต จะทำให้การรักษาสมองจากโรคภัยและความเจ็บป่วยเปลี่ยนแปลงไป" ที่ไวทัลไลฟ์ เรามีบริการทดสอบเพื่อประเมินความสามารถทางปัญญาจากแบบประเมินกิจวัตรประจำวัน (ADL) "หากญาติ คู่รัก เพื่อน หรือคนที่คุณรัก ไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันอย่างการขับรถ แต่งตัว ทำอาหาร หรือกิจวัตรประจำวันอื่นๆ ได้ ควรทำแบบประเมินกิจวัตรประจำวันเพื่อดูว่าต้องรับการรักษาหรือไม่" ดร.เทอรี่ กล่าว สุขภาพที่ดีทั้งกายและจิตใจเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพสมองและการทดสอบ ติดต่อศูนย์สุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โทร 02-667-2340 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวประชาสัมพันธ์โปรดติดต่อ พิชชาภา รัชชนันท์ หรือ สุศิริ สุสังกรกาญจน์ เกรลิ่ง (ไทยแลนด์) โทร 02-635-7151-2 แฟกซ์ 02-635-7155 อีเมล: pitchapa@grayling.com และ susiri@grayling.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ