กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--ชมรมสื่อท่องเที่ยว
ดร.ทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นประธานเปิดงาน และโบกธงปล่อยการแข่งขันแรลลี่ครอบครัว ครั้งที่ 2 ในโครงการมหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเบญจบูรพาสุวรรณภูมิ (จังหวัดนครนครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ) โดยมีนายชาญณรงค์ สุหงษา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครนายกร่วมด้วย ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก
รถยนต์ผู้เข่าแข่งขันรวมแล้วกว่า 60 คัน ก็พุ่งออกจากจุดสตาร์ทมุ่งหน้าสู่ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในท่าประทับยืน และพระสุพรรณกัลยาที่ทรงประทับนั่งอยู่ภายใน และภายในยังมีอีก 2 ศาลซ้ายขวา ที่ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในอริยาบททรงหลั่งน้ำลงสู่แผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร (พระน้ำเต้าทองคำ) ประกาศอิสระภาพจากพม่า
เมื่อกราบสักการบูชาเอาฤกษ์นำขัยกันแล้วก็เดินทางสู่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นโรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัดปราจีนบุรี และเป็นโรงพยาบาลนำร่องเรื่องแพทย์แผนไทย ใช้สมุนไพรบำบัดรักษาโรค รวมทั้งนำสมุนไพรไทยมาแรรูปเป็นเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีการนวด อบ ประคบ และฝังเข็ม เมื่อไปถึงนักแข่งของเราก็เดินชมเข้าไปชมภายในตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตึกเก่าสองชั้นแบบยุโรป สมัยเรเนซองส์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2452 เพื่อถวายเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในครางเสด็จประพาสมณฑลปราจีน ซึ่งจัดเป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย โดยจะเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมอนุรักษ์ตำราไทย สมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร
ได้ความรู้การแพทย์แผนไทยกันพอสมควร ก็เดินทางต่อไปที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งรวบรวมการศึกษาทดลอง วิจัย และการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ดินทรายเพื่อการเกษตรกรรม ซึ่งมีรูปแบบการบริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว โดยให้บริการแก่ประชาชนและเกษตรกรที่เข้ามาศึกษาหาความรู้ นำไปเป็นตัวอย่างในด้านการเกษตรกรรม และการพัฒนาอาชีพ เพื่อเป็นต้นแบบและแนวทางนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติในพื้นที่ต่อไป เมื่อถึงแล้วนักแข่งทุกคนก็ต้องเปลี่ยนรถไปนั่งรถรางเพื่อชมให้รอบโครงการ โดยมีวิทยากรของศูนย์ ฯ บรรยายให้ความรู้ตลอดเส้นทางที่ผ่าน
ตามด้วยวัดสมานรัตนาราม เมื่อไปถึง ผู้ร่วมแข่งขันก็เดินเข้าไปในวัด เพื่อสักการะพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุของค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิม พระพรหม และพญานาคพ่นน้ำ บริเวณ ริมแม่น้ำบางปะกง รวมทั้งพระราหูองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขอพรกันเป็นที่เรียบร้อยก็เดินช้อปปิ้งกันเล็กน้อยก่อนเดินทางไปที่พุทธสถาน จี เต็ก ลิ้ม จังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของเทพ ไฉ่ซิ้งเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ปางมหาเศรษฐีชัมภลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังได้รวบรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหลายองค์ เช่น พระโพธิสัตว์กวนอิม สูง 9 เมตร เทพเจ้าเห้งเจีย เจ้าพ่อกวนอู เจ้าพ่อเสือ พระไภสัชยคุรุพุทธเจ้า ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 และพระพิฆเนศวร
เมื่อกราบไหว้ขอพรเรียบร้อย รถทุกคันก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายสุดท้าย ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ บนที่ดินส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นโครงการศูนย์นิทรรศการการบริหารทรัพยากรธรรมชาติ ที่แสดงแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาตนเองตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเดินเข้าไปชมภายในเราจะเห็นแปลงสาธิตกิจกรรมกลางแจ้ง แปลงทฤษฎีแก้มลิง แปลงปลูกหญ้าแฝก แปลงทฤษฎีเกษตรแผนใหม่ จุดสาธิตเรื่องพลังงาน บ้านติดดินหรือบ้านที่ทำจากดิน รวมทั้งการสอนทำสบู่และแชมพูจากสมุนไพรอีกด้วย
ตกเย็นนักแข่งทุกคนก็มาร่วมงานเลี้ยงฉลอง พร้อมมอบถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะ และจับของรางวัล โดยมีนายธีระกุล เอี่ยมอำภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นประธานในการมอบ ณ โรงแรมอิงธาร รีสอร์ท