กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล
รพ.พบพระเป็นอีกหนึ่ง รพ ที่ผ่านการรับรอง มาตรฐาน HA จาก สรพ โดยที่ผู้บริหารและผู้ประกอบวิชาชีพของโรงพยาบาลต่างๆร่วมกันเป็นผู้รับผิดชอบ และผลักดันในการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมจนประสบผลสำเร็จ
นายสุรศักดิ์ จินาเขียว พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ผู้ประสานงานคุณภาพโรงพยาบาลพบพระ เปืดเผยว่า เส้นทางการพัฒนา HA ของ รพ.พบพระคือเริ่มตั้งแต่ปี 2547โดยเริ่มที่ การประเมินตนเองก่อน หลังจากนั้น รพ.ก็เริ่มที่จะการพัฒนาตนเอง เพื่อเข้าสู่กระบวนการรับรองคุณภาพ โดย รพ.พบพระได้ดำเนินงาน HA มาถึงขั้น 2 ในปี 2550 และได้ทำการคงสภาพขั้น 2 ไว้แต่ไม่ได้หยุดการพัฒนาในองค์กร เพราะทางโรงพยาบาลเกิดวิกฤต ในเรื่องจำนวนแพทย์และบุคลากรสาธารณสุ พร้อมทั้งเกิดปัญหาสาธารณสุขชายแดน ด้วยความไม่พร้อมทำให้รพ.พบพระหยุดการขอรับการประเมิน เพราะ ทางทีมของ รพ.ได้มีการประชุมกันอยากให้การพัฒนาของโรงพยาบาลพบพระเป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่ต้องการพัฒนาเพื่อที่จะผ่านมาตรฐานเท่านั้น
หลังจากนั้นปี2554 รพ.พบพระของเรามีความพร้อมที่จะขอรับการประเมิน จึงทำการประสานงานขอการเยี่ยมสำรวจและการขอรับรองจาก และได้ผ่านการรับรองจากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล( องค์การมหาชน) หรือ สรพ และได้ผ่านกานประเมินจาก สรพ.ในปี 2556 โดยรพ.พบพระได้ดำเนินการโดยมี Key success factor คือ1. มีผู้ที่รู้มาตรฐาน อ่านและทำความเข้าใจและส่งเสริมองค์กรให้มีคนรู้มาตรฐาน และส่งคนไปเรียนรู้SP 2.รพ.ได้มีการจัดตั้งแกนนำ/แนวร่วม ในการวางแผนพัฒนาและดำเนินการ3. การควบคุมกำกับอย่างจริงจัง ระยะแรกๆทุก เดือนหลังจากนั้น ทุกๆ 3 เดือน หรือต้องมอบหมายให้มีคนประกบแต่ละทีมคร่อมอย่างจริงจัง อย่างน้อย1-2 คนต่อที 4. External auditor เชิญคนรู้จักที่มีความรู้ประสบการณ์ในการทำHA มาคุย เช่น เชิญพยาบาลเก่งๆ จากโรงพยาบาลที่ผ่าน HA มาช่วยทำความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ในเรื่องทำไมต้องทำ HA เป็นต้น 5.ท่านผู้อำนวยการและทีมแพทย์เป็นประธานของทีมคร่อมหลายๆงาน6. ผู้อำนวยการและทีมงานมีความมุ่งมั่น หมั่นเยี่ยมทีมอย่างสม่ำเสมอ
" กลยุทธ์ของความสำเร็จ คือ ประกาศเป็นนโยบายของโรงพยาบาลโดยแจ้งทุกกลุ่มเข้าร่วม รวมทั้งแผนงานเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อย่าใช้นานเกินไป แต่ละช่วงจะทำอะไรต้องกำหนดเวลาให้ชัดเจน แต่ต้องเหมาะสมและมีการติดตามและเฝ้าดูการดำเนินงานอย่างจริงจังตามเวลาที่นัดไว้ จัดให้มีการนำเสนอผลงานโดยให้ท่านผู้อำนวยการและทีมกรรมการบริหารเข้าร่วมรับฟัง นี่คือภาพรวมของ HAของโรงพยาบาลพบพระไม่ทำ ไม่ผ่าน ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับรู้สิ่งที่มีประโยชน์ต่อการทำ HA" นายสุรศักดิ์ กล่าว
นายสุรศักดิ์ จินาเขียว กล่าวอีกว่า ในความหมายของรพ.พบพระ HA คือ การประเมินตนเองว่าเราเป็นอย่างไรในขณะนี้ พอใจ ยังขาดอะไร ยังไม่มีอะไร ต้องคุยกับใครเพิ่มกว่าเดิม โดยให้มองผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ท่านผู้อำนวยการมีนโยบายต้องทำ HAให้ผ่าน สืบเนื่องจากองค์กรที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล เช่น ปกส.(ประกันสังคม) มีเป้าหมาย คือ โรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพมีคุณภาพ หรือ สปสช. มีเป้าหมาย คือ มีระบบหลักประกันสุขภาพที่ประชาชนเข้าถึงด้วยความมั่นใจ โดยทั้ง ปกส. สปสช.และ กรมบัญชีกลาง มีความต้องการที่เหมือนกันคือ ต้องการให้ทุกโรงพยาบาลผ่านการรับรองมาตรฐาน HA โดย สปสช. มีกลไกทางการเงินเป็นแรงจูงใจให้หน่วยบริการพัฒนาคุณภาพบริการ และที่สำคัญ เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ป่วยได้แก่ ความเสี่ยงต่อการประสบความสูญเสียหรือภาวะแทรกซ้อนลดลง, คุณภาพการดูแลรักษาดีขึ้น,ได้รับการพิทักษ์สิทธิผู้ป่วยและศักดิ์ศรีของความเป็นคนมากขึ้น ประโยชน์สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ได้แก่ ความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการทำงานลดลง, ความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดระหว่างผู้ป่วยกับเจ้าหน้าที่ลดลง, สิ่งแวดล้อมในการทำงานและการประสานงานดีขึ้น, เจ้าหน้าที่ได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง ประโยชน์สำหรับโรงพยาบาล ได้แก่ การเป็นองค์กรเรียนรู้, สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสู่ความเป็นเลิศ, ทำให้องค์กรอยู่รอดและยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม รพ.พบพระ เป็น รพ.ชุมชน ขนาด 30 เตียง เป็น รพ. ที่อยู่ติดเขตชายแดนไทย – พม่า พื้นที่โดยส่วนใหญ่ประชากรจะเป็นหลายๆชนเผ่า มีทั้ง ม้ง แม้ว ลีซอ กระเหรี่ยง และ พม่า ที่เป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้ามารับจ้างในพื้นที่เกษตรกรรมในเขตอำเภอพบพระ เพราะเขตแดนสามารถข้ามผ่านได้ง่าย ก่อให้เกิดโรคระบาดต่างๆในพื้นที่ และยังเป็น รพ.ชุมชนที่มีอัตราการคลอดจำนวนมากที่สุดใน รพ.ชุมชน ในเขตจังหวัดตาก ด้วยเหตุหลายๆประการนี้ ท่านผู้อำนวยการนายแพทย์ศักดิ์บัญชา สมชัยมงคล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพบพระ ได้เห็นถึงปัญหาสาธารณสุขในพื้นที่ประกอบกับ มาตรฐานHA คือ การกระตุ้นให้โรงพยาบาลทำหน้าที่ตามเป้าหมายอย่างสมบูรณ์ การกระตุ้นให้โรงพยาบาลเกิดแรงจูงใจในการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม (social accountability) เพื่อให้ชุมชนมีความมั่นใจต่อระบบบริการของโรงพยาบาล โดยที่ผู้บริหารและผู้ประกอบวิชาชีพของโรงพยาบาลต่างๆร่วมกันเป็นผู้รับผิดชอบ