กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--กระทรวงการคลัง
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมาร์ สาขากฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และสาขาการเงิน (Joint Sub-coordinating Committee on Rules and Regulation/Finance) และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมพื้นที่โครงการเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2557 ณ เมืองทวาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการและวางแนวทางการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังต่อไป
เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายมีพื้นที่ประมาณ 196 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลที่บ้านนาบูเล ด้านทิศเหนือของเมืองทวาย ภาคตะนาวศรี ห่างจากกรุงย่างกุ้งประมาณ 614 กิโลเมตร จากชายแดนประเทศไทย (บริเวณด่านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี) 132 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 330 กิโลเมตร ทั้งนี้ รัฐบาลไทย-เมียนมาร์ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2555 โดยมีสาระสำคัญที่ไทยจะสนับสนุนความช่วยเหลือทางเทคนิค ถ่ายทอดเทคโนโลยี แนวการปฏิบัติที่เป็นเลิศในด้านการจัดการสนับสนุนการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุน เร่งรัดการก่อสร้างเส้นทางจากจุดผ่านแดนไทย – เมียนมาร์ ไปยังกรุงเทพฯ – แหลมฉบัง และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความพยายามในการระดมทุนเพื่อดำเนินโครงการ รวมทั้งเห็นชอบให้จัดตั้งกลไกการดำเนินการร่วมกัน ซึ่งในปัจจุบันการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้องได้มีความคืบหน้าไปในระดับหนึ่งแล้ว โดยมีการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle: SPV) ในประเทศไทยภายใต้ ชื่อ บริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Dawei SEZ Development Company Limited) ซึ่งเป็นหน่วยงานร่วมทุนระหว่างไทย-เมียนมาร์เพื่อดำเนินโครงการฯ รวมทั้งได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำเพื่อศึกษาวิเคราะห์และให้คำแนะนำการดำเนินโครงการตามมาตรฐานสากล เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของผู้ลงทุน
ในครั้งนี้ปลัดกระทรวงการคลังและคณะได้เยี่ยมชมการดำเนินการต่างๆ ประกอบด้วย ท่าเรือขนาดเล็กความลึก 8 เมตร ที่จะใช้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าและวัตถุดิบในระหว่างการพัฒนาโครงการฯ บริเวณเหมืองหินที่จะใช้ผลิตวัตถุดิบในการก่อสร้าง เช่น หินและทราย ขนาดต่างๆ หมู่บ้าน Bawah ซึ่งเตรียมไว้สำหรับประชาชนที่จำเป็นต้องโยกย้ายถิ่นฐาน เขื่อน Pa Yain Byu ที่จะเป็นแหล่งเก็บน้ำที่จะใช้ผลิตเป็นน้ำประปาและน้ำสำหรับอุตสาหกรร ระยะแรก ซึ่งการก่อสร้างดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมจุดเริ่มต้นของถนนมอเตอร์เวย์ที่เชื่อมต่อกับชายแดนไทยที่บ้านพุน้ำร้อน บริเวณที่จะก่อสร้างเป็นท่าเรือน้ำลึกและบริเวณที่จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมและอู่จอดเรือรวมทั้งบริเวณที่จะสร้างเป็นที่พักของแรงงานอีกด้วย