กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--เอสซีจี
ผลประกอบการเอสซีจี ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2557 มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของทุกธุรกิจ แต่กำไรลดลงเนื่องจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ประกาศลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท จัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ใน สปป.ลาว พร้อมผลักดันสินค้านวัตกรรมต่อเนื่อง โดยลงทุนผลิตกระดาษ Glassine เป็นรายแรกของอาเซียน เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในภูมิภาคที่สูงขึ้น และประกาศร่วมทุนกับ Florim ประเทศอิตาลี ตั้งโรงงานผลิตกระเบื้องเซรามิกระดับไฮเอนด์ในอิตาลีบุกตลาดโลก
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานประจำไตรมาส 1 ปี 2557 ของเอสซีจี มีรายได้จากการขาย 121,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตของทุกธุรกิจ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทุกธุรกิจ มีกำไรสำหรับงวด 8,381 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 ธุรกิจมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ถึงกว่า 1,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปัจจัยตามฤดูกาลของธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และการฟื้นตัวของธุรกิจกระดาษ
สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 มีรายได้จากการขาย 10,261 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบัน เอสซีจีมีสินทรัพย์รวมในอาเซียน มูลค่า 73,041 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 16 ของสินทรัพย์รวมของบริษัท
สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557 มีมูลค่า 459,231 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2557 แยกตามรายธุรกิจดังนี้
เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 47,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรวมผลการดำเนินงานของ Prime Group ผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิกชั้นนำของเวียดนาม บริษัทสยาม
ซานิทารีแวร์ จำกัด และบริษัทสยามซานิทารีฟิตติ้งส์ จำกัด โดยมีกำไรสำหรับงวด 4,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 60,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก ส่วนต่างราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 2,480 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 ธุรกิจมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 900 ล้านบาท
เอสซีจี เปเปอร์ มีรายได้จากการขาย 15,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสายธุรกิจเยื่อและกระดาษมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,255 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น
นายกานต์ เปิดเผยว่า “เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียน เอสซีจียังคงเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติงบลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งแรกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ด้วยกำลังการผลิต 1.8 ล้านตันต่อปี โดยตั้งอยู่ในแขวงคำม่วน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2560 โรงงานดังกล่าวจะเป็นโรงงานปูนซีเมนต์ที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นต้นแบบที่ดีด้านการดำเนินงานอย่างยั่งยืน และช่วยยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของโรงงานอื่น ๆ ใน สปป.ลาวต่อไป
สำหรับการพัฒนาสินค้านวัตกรรรม หรือสินค้ามูลค่าเพิ่ม (HVA) คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติงบลงทุนมูลค่า 1,825 ล้านบาทให้เอสซีจี เปเปอร์ ในโครงการปรับปรุงเครื่องจักรของบริษัทผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด เพื่อผลิตกระดาษ Glassine ซึ่งเป็นวัสดุรองหลังฉลากประเภท Pressure Sensitive เป็นรายแรกของอาเซียน กำลังการผลิต 60,000 ตันต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งในประเทศและภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในต้นปี 2559
นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ได้ร่วมทุนกับ Florim Ceramiche S.p.A. (“Florim”) ประเทศอิตาลี หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตกระเบื้องเซรามิกระดับโลก ในสัดส่วนร้อยละ 33 คิดเป็นมูลค่า 506 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโรงงานผลิตกระเบื้องเซรามิกระดับไฮเอนด์ ที่เมืองโบโลญญา (Bologna) ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ภายใต้แบรนด์ COTTO ด้วยกำลังการผลิต 5 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในต้นปี 2558
สำหรับแนวโน้มธุรกิจของเอสซีจีปี 2557 คาดการณ์ภาพรวมตลาดปูนซีเมนต์และสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศเติบโตลดลงโดยเฉพาะตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้างอาจถึงกับชะลอตัวลงบ้าง ในขณะที่ตลาดในภูมิภาคอาเซียนยังคงเติบโตได้ดี ด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์อยู่ในช่วงขาขึ้นและฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกสูงขึ้นแต่ทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีนค่อย ๆ ชะลอตัวลง ด้านธุรกิจกระดาษคาดการณ์การส่งออกในอาเซียนดีขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้ากระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ เอสซีจีเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโดยรวมของอาเซียนยังคงเติบโตในระยะยาว จึงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งออก ในไตรมาส 1 ปี 2557 เอสซีจีมีรายได้จากการส่งออก 32,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่ารายได้จากการส่งออกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ปัจจุบัน สัดส่วนการส่งออกของเอสซีจีเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 27
เอสซีจี มียอดขายสินค้า HVA เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกของปีนี้ เอสซีจีมียอดขายสินค้า HVA 40,894 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของยอดขายรวม ขณะที่สินค้า SCG eco value มียอดขาย 38,013 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31 ของยอดขายรวม