กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 เฝ้าระวังผู้ป่วยที่ติดเชื้อ "โคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012" หรือเมิร์สคอฟ ในพื้นที่รับผิดชอบเน้นพิเศษในกลุ่มที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือมีไข้สูง ไอ ถ่ายเหลว อาเจียน และมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศที่พบผู้ป่วย
นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี เผยว่า ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แจ้งว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป (ECDC) มีการเผยแพร่ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 ว่า ทั่วโลกมีรายงานผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2012 แล้ว 424 ราย เสียชีวิต 131 ราย โดยพบรายงานผู้ป่วยทั้งหมดจาก 15 ประเทศ ดังนี้ ซาอุดิอาระเบียสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ จอร์แดน โอมาน คูเวต อียิปต์ อังกฤษ เยอรมันนี ฝรั่งเศส อิตาลี กรีซ ตูนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ในส่วนของประเทศไทยยังไม่พบรายงานยืนยันผู้ป่วย
นพ.ศรายุธ กล่าวต่อว่า โรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส จัดเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน ที่มีอาการรุนแรงคล้ายโรคซาร์ส เชื้อจะลุกลามเข้าปอดอย่างรวดเร็ว และจะอยู่ในละอองน้ำมูกน้ำลายผู้ป่วย ติดต่อได้ง่ายจากการไอจาม สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อคือ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปหากติดเชื้อจะมีอัตราการตายสูง และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่ล้วนมีประวัติเดินทางไปตะวันออกกลาง ที่เป็นแหล่งของโรค ผู้ที่ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสมีอัตราการตาย ร้อยละ 30-50 ทั้งนี้หากติดเชื้อไวรัสโคโรน่า อาการจะแสดงออกเร็วมาก ภายใน 5 วัน จะเริ่มมีอาการ อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ยังไม่พบการติดเชื้อจากคนสู่คน และเชื่อว่าจะไม่ระบาดเหมือนโรคซาร์ส แต่เชื้อไวรัสโคโรน่าก็อาจมีการกลายพันธุ์และแพร่ระบาดได้เช่นกัน
"ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่พบผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว และหลีกเลี่ยงอยู่ใกล้คนที่เป็นหวัด ห้ามแคะ แกะ เกา หรือขยี้ตา เพราะจะทำให้เชื้อเข้าร่างกายได้ หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดคือ ไข้สูง ไอ มีน้ำมูก ขอให้ใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่นหน้ากากอนามัย หรือไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา และที่สำคัญหากมีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ หลังกลับจากเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงภายใน 14 วัน ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันทีพร้อมบอกประวัติการเดินทางด้วย สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที ไม่ต้องรอถึง 2 วัน หากประชาชนมีข้อสงสัย โทรสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง."นพ.ศรายุธ กล่าวเพิ่มเติม