กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--IR network
บมจ. อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) โชว์ฝีมือขั้นเทพ ผลการดำเนินงานโตต่อเนื่อง ไตรมาส1/57 กวาดรายได้รวม 203 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46.4 ล้านบาท ชูธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์เติบโตก้าว ลั่นปี 2557 “เทิร์นอะราวด์” แบบโดดเด่นสุดๆ คอนเฟิร์มรายได้เข้าเป้า 1,500-2,000 ล้านบาทแน่! เล็งนำเงินสดในมือลงทุนธุรกิจเพิ่ม ล่าสุดเดินหน้าเจรจาพันธมิตรหลายแห่ง คาดได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)(EFORL) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2557 ของบริษัทเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้รวม 203 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 46.4 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2556 และมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าปี 2556 ทั้งปี ที่มียอดขาย 171 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 26.46 ล้านบาท
“การที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปีนี้ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นและต่อเนื่องจากปี 2556 เป็นสัญญาณดีสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตในอนาคตที่จะมีความมั่นคง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ทีมผู้บริหาร EFORL มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในอนาคตจะมีความโดดเด่นและจะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง”
นายธีรวุทธิ์ กล่าวว่า ผลกำไรที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ ที่สร้างรายได้กว่า 195 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากบริษัทย่อยคือ สเปซเมด ที่ทำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ สามารถรับรู้รายได้และกำไรอย่างเต็มที่ และอีกส่วนหนึ่งจาก EFORL เองที่เริ่มทยอยรับรู้รายได้ในส่วนของการจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์มากขึ้น
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทจะมุ่งทำธุรกิจในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีการประสานงานติดต่อแบรนด์สินค้าเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศมากกว่า 30 ยี่ห้อ ซึ่งจะเร่งดำเนินการขอใบอนุญาตนำเข้า โดย ได้นำเข้าสินค้ามาแล้ว 13 ยี่ห้อ ทั้งนี้ธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง ส่วนธุรกิจด้านสื่อโฆษณาสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
“ปีนี้จะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์ เนื่องจากอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์เป็นสินค้าที่มีการเติบโตสอดคล้องกับธุรกิจด้านการแพทย์และสุขภาพ ที่ประเทศไทยและภูมิภาคอาเซี่ยนยังมีโอกาสเติบโตได้อีก โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 1,500 – 2,000 ล้านบาท มีกลยุทธ์เน้นการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้นำตลาด เช่น Hamilton, GE และ Olympus เป็นต้น และจะมีการเพิ่มทีมงานที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญมาเสริมทัพให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเชิงรุก เดินเข้าหาลูกค้าทั้งภายในประเทศที่เป็นกลุ่มโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน”นายธีรวุทธิ์ กล่าวในที่สุด
ปัจจุบันบริษัทยังมีเงินสดอยู่กว่า 500 ล้านบาท ก็ได้ทำการศึกษาถึงแนวทางการนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ ซึ่งก็ได้มีการเจรจากับพันธมิตรหลายๆฝ่ายเพื่อให้มีผลตอบแทนสูงสุด อย่างไรก็ตาม การลงทุนธุรกิจใหม่จะยังอยู่ในธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์สุขภาพและความงาม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และมีมาร์จิ้นสูง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้