กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--นิวเวฟ มาร์เก็ตติ้ง เน็ตเวิร์ก
บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดของกระทรวงคมนาคม ดำเนินการในด้านการบริการขนส่งผู้โดยสารโดยรถประจำทางระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ระหว่างจังหวัดต่อจังหวัด (หมวด 2) และให้เอกชนเข้ามามีส่วนดำเนินการในรูปของรถร่วมเอกชน วิ่งในเส้นที่ บขส. ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งด้วย นอกจากนั้นแล้ว บขส. ยังเปิดให้บริการเส้นทางเดินรถในต่างประเทศ ทั้งในลาว (เวียงจันทร์, ปากเซ และหลวงพระบาง), กัมพูชา รวมถึงในอนาคตจะเข้าไปเปิดให้บริการในประเทศพม่าและเวียดนามต่อไปในอนาคต
นอกเหนือจากการบริหารจัดการเรื่องของการเดินรถแล้ว บขส. ยังคงให้ความสำคัญในแง่ของการบริหารจัดการะบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ด้วยเช่นกัน ซึ่งหน่วยงานไอทีของ บขส. ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จะขึ้นตรงกับกองเทคโนโลยีสารสนเทศ ฝ่ายพัฒนาองค์กร ขององค์กร โดยมีคุณสิทธิชัย เกาศล เป็นผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีสารสนเทศดังกล่าว
คุณสิทธิชัย เล่าให้ฟังว่า ระบบไอทีของ บขส. นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท เพราะเนื่องจาก บขส. มีเครือข่ายและลูกข่ายหรือสถานีขนส่งต่างๆ อยู่ทั่วประเทศรวมถึงจุดย่อยๆ อีกเป็นจำนวนมากกว่า 120 แห่ง (ไม่รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล) โดยสถานีต่างๆ เหล่านี้ก็จะมีการติดตั้งระบบและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกแห่ง เพื่อดำเนินการด้าน Front Office และ Back Office โดยมีคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากที่ทางกองเทคโนโลยีสารสนเทศต้องคอยดูแลทั่วประเทศ ซึ่งการบริหารจัดการของ บขส. นั้นจะเป็นการดูแลจากส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาเครื่อง, การเชื่อมต่อระบบ, การดูแลด้านความปลอดภัย, การบริหารจัดการคอมพิวเตอร์ ฯลฯ (มียูสเซอร์ในระบบประมาณราวๆ 1,600 คน) ก็จะขึ้นตรงต่อ กองเทคโนโลยีที่มีเจ้าหน้าที่ระบบไอทีเพียงแค่ประมาณแค่ 20 คนเท่านั้น
เป็นเรื่องปกติขององค์กรที่มีจำนวนยูสเซอร์และคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก ที่อาจจะมีปัญหาเกี่ยวข้องกับระบบมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์, การบำรุงดูแลรักษาเครื่อง, การตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่ใช้ในเครื่อง (ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ บขส. ที่เน้นใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกกฎหมายเป็นหลัก) คุณสิทธิชัยเล่าให้ฟังว่า เนื่องจากธุรกิจของ บขส. นั้นเป็นธุรกิจการเดินรถ ทำให้เวลาเครื่องเสียหรือมีปัญหาก็จะส่งเครื่องมาพร้อมกับรถบัสเลย และทางศูนย์กลางจะส่งเครื่องสำรองหรืออะไรคืนกลับไปให้ใช้ (เช่น หากที่ บขส. ที่จังหวัดขอนแก่นมีเครื่องคอมพิวเตอร์เสีย ก็จะส่งมากับรถบัสที่จะวิ่งกลับขึ้นมากรุงเทพฯ และก็จะส่งเครื่องสำรองกลับไปในอีกวันที่รถบัสกลับไปที่ขอนแก่น รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ด้วย) ทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีการส่งซ่อมเครื่องลงมายังศูนย์กลางนั้น ก็ต้องมีเครื่องมือในการตรวจวิเคราะห์และคอยมอนิเตอร์เครื่องเหล่านั้นอยู่โดยตลอด โดยก่อนหน้าที่ บขส. จะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ StarCat ก็จะใช้วิธีการพูดคุยสอบถามปัญหาผ่านการโทรศัพท์ระบบไอพี แต่อย่างไรก็ตามก็พบว่าวิธีการดังกล่าวไม่ค่อยมีความสะดวกในการใช้งาน จึงได้ตัดสินใจเลือกใช้ซอฟต์แวร์ StarCat ซึ่งมีคุณสมบัติต่างๆ ในการเข้ารีโมทแอ็คเซสเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายปลายทาง, สามารถควบคุมเครื่อง, พร้อมทั้งตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นและสอนการใช้งานให้แก่ผู้ใช้ได้ทันที และที่สำคัญคุณสิทธิชัยกล่าวว่าด้วยความที่ซอฟต์แวร์ดังกล่าวนั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการ รวมถึงความประทับใจที่พัฒนาด้วยฝีมือคนไทย ทำให้ บขส. จึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลือกใช้ซอฟต์แวร์ตัวนี้
ปัจจุบันฟีเจอร์ ของ StarCat ที่ บขส. นิยมใช้อยู่เป็นประจำประกอบด้วย การรีโมทแอ็คเซสจากทางไกล, การใช้ระบบ Help desk ในการแก้ปัญหา, การตรวจสอบไลเซ่นส์ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ที่ติดตั้งอยู่บนเครื่องปลายทาง เป็นต้น ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีสารสนเทศยังอธิบายถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานของ StarCat ครั้งนี้ ช่วยให้ บขส. สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรไอทีที่มีอยู่จำนวนจำกัดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนพนักงานเพิ่ม ลดระยะเวลาในการดูแลและบริหารจัดการเครื่องคอมพิวเตอร์ในแต่ละที่ได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย หากท่านใดสนใจรายละเอียดติดต่อข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ StarCat ได้ที่ MOSCII CORPORATION, โทรศัพท์ 02-582-8299 หรือที่เว็บไซต์ www.moscii.com