กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เผยอีเว้นท์ประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองมีทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่คลี่คลายขึ้น ส่งผลให้ภาคเอกชนเริ่มส่งสัญญาณเดินหน้าธุรกิจ อัดแคมเปญกระตุ้นให้ตลาดกลับมาคึกคัก เพื่อดึงเม็ดเงินให้เกิดการหมุนเวียนจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเข้าสู่ระบบ ยืนหยัดผู้นำครีเอทีฟอีเว้นท์ของเมืองไทย และระดับภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บริษัทอีเว้นท์อันดับ 7 ของโลก 3 ปีซ้อน รับรองจากสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “อีเว้นท์ต่างๆ ในประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว และกลับมาคึกคักมากขึ้น โดยจากการส่งสัญญานของภาคเอกชน ในส่วนของอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท อย่างธุรกิจสินค้าประเภทเครื่องใช้อุปโภค และบริโภค ธุรกิจอาหาร ธุรกิจเครื่องดื่ม และธุรกิจยานยนต์ ที่เริ่มกระตุ้นตลาด และยอดขายอย่างเข้มข้น ด้วยการอัดแคมเปญ และโปรโมชั่นต่างๆ หลากหลายวิธี ดึงดูดให้ผู้บริโภคเกิดการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อสินค้า โดยผ่านรูปแบบของการจัดอีเว้นท์ต่างๆ จากการมูลค่าของตลาดรวมของอุตสาหกรรมอีเว้นท์ ในปีที่แล้ว (2013) ซึ่งมีมูลค่า 13,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ลดลงถึง 10% แต่จากสถานการณ์ในช่วงนี้ อีเว้นท์เริ่มกลับมาเดินหน้า ซึ่งเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลัง สถานการณ์ภาพรวมน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น”
ในส่วนของงานอีเว้นท์ในประเทศไทย สำหรับอินเด็กซ์ฯ ได้รับงานใหญ่จากภาคเอกชน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ หลายราย ซึ่งเป็นลูกค้าประจำ และใช้งบประมาณประจำปีอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนงานระดับภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่งผ่านไป อย่างงาน “Coca Cola Myanmar Summer Festival 2014” หรือ “ตะจัน” (Thingyan) ซึ่งเป็นงานเทศกาลสงกรานต์ จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ณ 2 เมืองใหญ่ คือ ย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ ที่ประเทศเมียนมาร์ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 150,000 คน ตลอดระยะเวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 13-16 เมษายน ที่ผ่านมา ตลาดอาเซียนของอินเด็กซ์เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง จะได้เห็นธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรม ในประเทศเมียนมาร์อย่างต่อเนื่องแน่นอน”
“ด้านผลประกอบของอินเด็กซ์ฯ มั่นใจสิ้นปี 57 รายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท ด้วยความแกร่งด้านครีเอทีฟในการวางรากฐานงานทั้งใน และต่างประเทศอย่างเป็นระบบ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยลบ และปัจจัยบวกทางสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเข้ามาเสริม และมาหนุนให้ธุรกิจอีเว้นท์ดำเนินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ถือเป็นตัวกำหนด และปัจจัยที่สำคัญปัจจัยหนึ่งอีกด้วย” นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวทิ้งท้าย