กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--ธนชาต
บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) เตรียมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 20 ล้านหุ้น โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะนี้ได้ยื่นไฟล์ลิ่งของอนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว
บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) (TPAC) ก่อตั้งขึ้นในปี 2526 เพื่อประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก ประเภทหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ต่างๆและผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ ตามความต้องการใช้งานของลูกค้า บริษัทได้แบ่งสายการผลิตตามประเภทอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม, เครื่องสำอางและเวชภัณฑ์, น้ำยาทำความสะอาด, เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ด้วยกระบวนการผลิตทั้งแบบฉีด (Injection Moulding) และแบบเป่า (Blow Moulding) ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 จาก AJA (Anglo Japanese American Registrars) โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้มุ่งมั่นสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือจนทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศอย่าง บริษัท เนสเล่ (ไทย), ดัชมิลล์, โอวัลติน, ยูไนเต็ดฟูดส์ และ โอสถสภาเป็นต้น
นายปรีชา ศรีอัศวกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ว่า “ขณะนี้บริษัทได้ยื่นขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนจำนวน 20 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุน บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินทุนที่ได้ไปใช้ในการซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิต, ปรับปรุงอาคารโรงงานและเป็นเงินทุนหมุนเวียน” นายปรีชายังกล่าวอีกว่า “ ในปี 2547 บริษัทมีสัดส่วนรายได้
จากการขายภายในประเทศ 90% และจากการขายในต่างประเทศอีก 10% ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้มากขึ้น ในขณะที่เมื่อแบ่งรายได้ตามประเภทอุตสาหกรรม ในปี 2547 ประมาณ 57% ของรายได้มาจากผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มซึ่งอุตสาหกรรมกลุ่มนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามจำนวนประชากรเนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นและได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มากนักเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมด้านอื่นๆและยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อไปอีก นอกจากนี้ในปัจจุบันอัตราการใช้กำลังการผลิตทั้งสิ้น 90% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จากปัจจัยเหล่านี้ทำให้บริษัทต้องการที่จะขยายกำลังการผลิตเพื่อเตรียมไว้รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต”
ผลดำเนินการโดยรวมของบริษัทนั้น ในปี 2547 บริษัทมีรายได้รวม 585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากรายได้รวมของปี 2546 ที่ 459 ล้านบาท ในขณะที่ในปี 2547 บริษัทมีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท และในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้ 153 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท
นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ สายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงประเด็นน่าลงทุนในหุ้น TPAC ว่า “ถึงแม้ว่าภาวะการแข่งขันของธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกนั้นมีการแข่งขันที่สูง แต่เรามองว่าบริษัทมีมาตรฐานการผลิตและประสบการณ์ยาวนานในการประกอบธุรกิจรวมถึงมีชื่อเสียงและผลงานซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยลูกค้าบริษัททั้งในและนอกประเทศ ซึ่งแต่ละบริษัทก็ได้ทำการซื้อผลิตภัณฑ์มาเป็นระยะเวลานาน อันแสดงถึงศักยภาพในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและประกอบธุรกิจ คุณสมบัติต่างๆของบริษัทและแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรม จะเป็นฐานในการเพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้าในอนาคตได้เป็นอย่างดี”
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 100 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้ว 80 ล้านบาท บริษัทได้ออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 20 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป โดยจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI)
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)
บุศราคัม ใจหลัก ฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์
โทร.02-217-8888 ต่อ 8647--จบ--