กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) ผู้ให้บริการลูกค้าผ่านศูนย์บริการข้อมูลครบวงจร (Contact Center) พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 15 พ.ค.นี้ หลังระดมทุน 378 ล้านบาท
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO)
จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 โดย OTO เป็นบริษัทย่อยของ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) ซึ่งประกอบธุรกิจด้านการบริการลูกค้าผ่านศูนย์บริการข้อมูลครบวงจร (Contact Center) ประกอบด้วยการบริหารจัดการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์แบบเต็มรูปแบบ การบริการจัดหาเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ และการบริการระบบศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์ รวมถึงการให้บริการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งระบบศูนย์บริการข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จ
OTO มีทุนชำระแล้ว 280 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 210 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 70 ล้านหุ้น โดยนำหุ้นทั้งหมดจำนวน 80 ล้านหุ้น เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 5.40 บาท แบ่งเป็นเสนอขายต่อผู้ถือหุ้น SAMART (Pre-emptive rights) 20 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 28 เมษายน – 2 พฤษภาคม และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป 60 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 6-8 พฤษภาคม โดยมีมูลค่าระดมทุนทั้งสิ้น 378 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นางสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. วันทูวัน คอนแทคส์ เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนใน mai จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัทเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ที่มุ่งขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเป้าหมายในการผู้นำด้านศูนย์บริการข้อมูลครบวงจรในระดับอาเซียน
OTO มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่ม SAMART ถือหุ้น 71.43% กลุ่มวิไลลักษณ์ ถือหุ้น 3.16% และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว จำกัด ถือหุ้น 0.56 % ทั้งนี้ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน การกำหนดราคาหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนสถาบัน (Book Building) โดยราคาดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) 16.86 เท่า คำนวณจากกําไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่?วง 12 เดือนย้?อนหลัง (มกราคม ถึงธันวาคม 2556) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.32 บาท ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมหลังหักภาษีและเงินสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน และการขยายธุรกิจของบริษัทฯ รวมทั้งความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นๆ ในอนาคต
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.onetoonecontacts.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th