กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) แถลงวันนี้ถึงแนวทางการบริหารสินทรัพย์ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างมูลค่าแก่กิจการนอกเหนือจากการขยายการลงทุนโครงการใหม่ ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายที่จะสร้างมูลค่ากิจการ (Enterprise Value) เพิ่มขึ้นถึง 280,000 ล้านบาทในปี 2566 จากมูลค่าปัจจุบันที่ 108,000 ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 12,700 ล้านบาท และกำไร 2,365 ล้านบาท โดยโรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ โรงไฟฟ้าของบริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น และโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในประเทศ เป็นแหล่งสร้างรายได้ที่มีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมา
นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบริหารสินทรัพย์ของบริษัทฯ จะมุ่งเน้นความเป็นเลิศในการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า โดยต้องบริหารประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าที่สร้างรายได้ให้เต็มศักยภาพ และจัดการสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าหลักของบริษัทฯ พิจารณาตามขนาดกำลังการผลิตเป็นโรงไฟฟ้าภายในประเทศถึงร้อยละ 90 รองลงมาเป็นโรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นการบริหารจัดการประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งแนวทางการจัดการครอบคลุมตั้งแต่การบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าให้สามารถดำรงความพร้อมจ่ายให้ได้อย่างสม่ำเสมอ การบริหารสัญญาการจัดหาอะไหล่และอุปกรณ์โรงไฟฟ้าหลัก เพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่าย เพิ่มความมั่นคงในการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้ารวมถึง การบริหารต้นทุนทางการเงิน เป็นต้น
นายพงษ์ดิษฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัทฯ มีแผนจะตั้ง Performance Center อยู่ที่สำนักงานใหญ่ เพื่อติดตามการดำเนินงานและประสิทธิภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของแต่ละโรงไฟฟ้าเพื่อพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานต่อไปด้วย งบประมาณลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ สำหรับโรงไฟฟ้าราชบุรีมีแผนที่จะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ได้ร้อยละ 5 และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการลดต้นทุนเชื้อเพลิงให้ได้ร้อยละ 0.5 เพื่อให้รายได้ค่าเชื้อเพลิง(Energy Payment)เพิ่มขึ้น ส่วนโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้จะปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเพื่อให้รายได้เพิ่มขึ้นอีก 150 ล้านบาทในปีนี้ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โซลาร์ต้าทั้ง 8 แห่ง จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อเพิ่มรายได้อีกร้อยละ 1 และลดต้นทุนการเดินเครื่องและซ่อมบำรุงลงร้อยละ 5 ขณะที่ โครงการโซลาร์ เพาเวอร์ จะเพิ่มกำลังการผลิตในแต่ละโครงการอีก 1.23 MW ซึ่งส่งผลให้กำลังการผลิตรวมทั้ง 3 โครงการเพิ่มขึ้นเป็น 10.99 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน การแสวงหาการลงทุนโครงการใหม่ๆ ก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ และในปีนี้ โรงไฟฟ้าราชบุรีเวอล์ดโคเจนเนอเรชั่น ยูนิตที่ 1 ขนาดกำลังการผลิต 112 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลา ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ จะเริ่มเดินเครื่องผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯ ด้วย”
สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 12,700.80 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าราชบุรี จำนวน 9,226 ล้านบาท โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ 1,422 ล้านบาท โรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย 648 ล้านบาท โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ 193 ล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศ 116 ล้านบาท โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำนวน 82 ล้านบาท สำหรับกำไรในไตรมาสนี้ จำนวน 2,364.50 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 1.63 บาท ส่วนสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557 มีจำนวน 98,646 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังผลิตติดตั้งทั้งที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ รวม 6,543 เมกะวัตต์ จากการลงทุนในโครงการต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แบ่งตามโครงสร้างธุรกิจใหม่ คือ โครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักในประเทศขนาดใหญ่และขนาดเล็ก กำลังผลิตติดตั้งรวม 4,834.05 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานทดแทนในประเทศ กำลังผลิตรวม 102.45 เมกะวัตต์ และโครงการในต่างประเทศ กำลังผลิตรวม 1,606.02 เมกะวัตต์ สำหรับ กำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 5,519 เมกะวัตต์ และกำลังผลิตที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้างโครงการ 1,024 เมกะวัตต์