กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--IR network
บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) สุดเจ๋ง อวดผลงานไตรมาส1/2557 กำไรพุ่ง 50.56 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 46.83 ล้านบาท สวนกระแสเศรษฐกิจชะลอ-การเมืองป่วน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 300 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มทั้งปีคาดรายได้ขยายตัว 25-30% ออเดอร์ในส่วนของธุรกิจพิมพ์ฉลากสินค้า โดย “สาลี่ พริ้นติ้ง” หนุนเต็มที่
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส1/2557 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 50.56 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 46.83 ล้านบาท เนื่องจากมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ หนุนให้มีรายได้รวมเติบโตอยู่ที่ 300 ล้านบาท ตามออเดอร์ที่มีเข้ามาโดยเฉพาะในส่วนธุรกิจพิมพ์ฉลากสินค้าของ "สาลี่ พริ้นท์ติ้ง" ซึ่งลูกค้าอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ยังคงมีความต้องการเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
"จากผลงานไตรมาส 1/2557 ที่เติบโตอย่างโดดเด่น สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจของกลุ่มบริษัทยังเติบโตได้ดี ซึ่ง เชื่อว่าปี 2557 ธุรกิจของกลุ่มบริษัทยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในส่วนการพิมพ์ฉลากสินค้าของสาลี่ พริ้นท์ติ้ง ยังมีออเดอร์ในกลุ่มลูกค้าหลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทได้พยายามเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ให้มากขึ้น รวมถึงรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้เพื่อสร้างฐานธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะถือเป็นอีกปีหนึ่งที่ธุรกิจของบริษัทยังขยายตัวได้ดี"นายสาทิส กล่าว
กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจของกลุ่มบริษัทให้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง บริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้าเก่า และรุกขยายฐานลูกค้ารายใหม่ให้มากขึ้น ทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมพิมพ์ฉลากสินค้า และกลุ่มชิ้นส่วนพลาสติก อีกทั้งได้มีการลงทุนขยายเครื่องจักรเพิ่ม ทั้งในส่วนของสาลี่อุตสาหกรรม และ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง โดยได้ก่อสร้างโรงงานฉีดพลาสติกแห่งใหม่ เพื่อขยายกำลังการผลิตงานฉีดพลาสติกที่มีคำสั่งซื้อเข้ามา ซึ่งได้เริ่มดำเนินการผลิตสินค้าตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าน่าจะผลักดันให้ประกอบการของ SALEE ในอนาคตเติบโตอย่างมีศักยภาพ และทำให้เชื่อว่าปีนี้รายได้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าที่ 25%-30% ได้ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะรักษาให้ไม่ต่ำกว่า 30% แม้เศรษฐกิจในภาพใหญ่ยังมีแนวโน้มชะลอตัว