กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
มะเร็งเกือบคร่าชีวิตทั้งที่มีเวลาอยู่ได้ 3 เดือนแต่ความสำเร็จบนเส้นทางธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์คต่อลมหายใจให้ยืนหยัดมีชีวิตยืนยาวได้ 14 ปี
ธุรกิจเครือข่ายที่มีศักยภาพการเติบโตสูงสุด “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค (Unilever Network)” เปิดหอประชุมมหิศร ไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า ต้อนรับผู้สนใจหลายร้อยคนที่อยากคว้าโอกาสอันยิ่งใหญ่ โอกาสครั้งสำคัญในการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับยูนิลีเวอร์ ในงาน “GREAT DAY (เกรท เดย์) เราทำได้ คุณทำได้” โดยมี มนต์ชัย เดโชจรัสศรี กรรมการผู้อำนวยการ ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ให้การต้อนรับ พร้อมรับฟังประสบการแห่งความสำเร็จจาก 6 บุคคลต้นแบบที่คว้าโอกาสในการเป็นคู่ค้ากับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เหมือนเช่น กมลวรรณ หิรัญบุตร Executive Business Associate 1 ใน 6 บุคคลต้นแบบที่เผยความสำเร็จหลังชีวิตผ่านความตายด้วยโรคร้าย จนสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารสโมสร 10 ล้าน
กมลวรรณ หิรัญบุตร Executive Business Associate เผยว่า “หลังจากที่ดิฉันเรียนจบด้านการเงินและธนาคาร และมีโอกาสได้เข้าทำงานในธนาคารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แม้ว่าในตอนแรกจะเป็นเพียงพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ที่มีหน้าที่คีย์ข้อมูลฝากเงิน ถอนเงินจากลูกค้า จากนั้นดิฉันก็มีโอกาสได้ทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการด้านสินเชื่อ ซึ่งตำแหน่งงานด้านสินเชื่อเป็นตำแหน่งงานหนึ่งที่มีโอกาสดีกว่าตำแหน่งงานอื่นๆ ในสายงานของธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน โบนัส หรือเงินพิเศษต่างๆ ช่วงเวลานั้นหน้าที่การเงินดี ชีวิตมีความสุขทุกอย่าง ดิฉันมีเงินมากพอที่จะไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งแต่ละที่ที่เดินทางนั้นแถบยุโรปทั้งสิ้น และเดินทางทุกปี ในขณะที่ดิฉันมีโรคประจำตัวอย่างหนึ่งคือ เวลาที่มีประจำเดือนจะปวดท้องมาก แต่ก็กินยาเพื่อให้หายปวด เมื่อประจำเดือนมา ปวดท้องอีก ก็กินยา เป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ประกอบกับการทำงานหนัก จึงทำให้ละเลยไม่สนใจดูแลสุขภาพของตัวเอง ในขณะที่การงานก็รุ่งเรืองขึ้น ซึ่งช่วงเวลานั้นมีบริษัทเงินทุนเกิดขึ้นมากมาย และมาทาบทามให้ไปทำงานด้วย ดิฉันจึงตัดสินใจลาออกจากธนาคารและไปทำงานที่บริษัทเงินทุนแห่งหนึ่ง โดยที่ยังมีพี่ๆ ที่สนิทรู้จักกัน ยังคงมาทาบทามให้ไปร่วมงานด้วยมากมาย และหลายแห่งมาก ในขณะที่อาการเจ็บป่วยก็เริ่มมากขึ้น จนต้องหามส่งเข้าโรงพยาบาล คุณหมอได้อัลตร้าวซาวด์และเห็นว่าลำไส้บวมเต็มช่องท้อง ต้องผ่าตัดไส้ทิ้ง คุณหมอจึงได้เห็นก้อนเนื้อที่รังไข่ และพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ ที่สำคัญเซลล์มะเร็งได้กระจายไปแล้วทั่วตัว วันนั้นสามีดิฉันบอกว่าดิฉันเป็นมะเร็ง ดิฉันยังเข้าใจว่าตัวเองเพิ่งเริ่มเป็นระยะแรก ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นระยะสุดท้าย และหมอบอกว่าจะมีเวลาอยู่ได้ 3 เดือน ต้องขอบคุณในความเข้าใจผิดของตัวเองค่ะ เพราะทำให้ดิฉันดูแลตัวเองมากขึ้น หลังจากดูแลตัวเองฟื้นบำรุงทุกวิถีทาง ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ไม่เครียด อารมณ์ดี จากที่ผอมหนังหุ้มกระดูก จนเริ่มอ้วนพีขึ้นมา เวลาผ่านไป 5 เดือนคุณแม่ถึงค่อยมาเฉลยให้ทราบว่า รู้ตัวไหมว่าจริงๆ แล้วหมอบอกจะอยู่ได้แค่ 3 เดือน เวลานั้นดิฉันตกใจมากค่ะ
ช่วงที่รักษาตัวดิฉันเคยปฏิเสธตำแหน่งงานหนึ่ง ที่มีพี่ที่รู้จักเรียกให้ไปทำงาน แต่เวลานั้นดิฉันเลือกที่จะรักษาชีวิตก่อน ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุน กบข. หลังจากที่รักษาดูแลตัวเองไปได้ 7-8 เดือน ดิฉันก็ปวดท้องอีกครั้งซึ่งกำลังทานข้าวกับคุณแม่อยู่ในช่วงเวลาปีใหม่ แต่กลับต้องเข้าโรงพยาบาลและครั้งนั้นดิฉันต้องนอนรักษาตัวอยู่ในนั้นเป็นเวลาครึ่งปีแล้วก็กลับบ้านอีกครั้ง ในเวลานั้นก็มีเพื่อนโทรศัพท์มาชวนไปทำงาน ในตอนนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นให้งบก้อนหนึ่งคือมิยาซาวาแพลนให้รัฐบาลไทย เพื่อช่วยเหลือให้คำปรึกษาแก่เอสเอ็มอี ดิฉันจึงตัดสินใจไปทำงานอีกครั้งเพราะเป็นโปรเจคระยะเวลาสั้นๆ โดยดิฉันมีหน้าที่บรรยายให้ความรู้สอนเอสเอ็มอีแก่รัฐบาล วันแรกของการทำงาน ทุกคนที่บ้านรอดิฉันกลับมา พร้อมคำถามมากมายว่า เป็นยังไง งานเครียดไหม และเพราะงานนี้ล่ะค่ะเป็นแม่สื่อให้ดิฉันได้รู้จักกับยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ระหว่างที่ทำงานอยู่ ก็มีพี่ที่รู้จักกันมาบอกดิฉันว่า รู้ไหมว่ายูนิลีเวอร์กำลังจะเปิดธุรกิจใหม่ เป็นธุรกิจเครือข่าย ดิฉันสนใจมากค่ะ เพราะนักการตลาดนักการเงินจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ยูนิลีเวอร์ เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอยู่ทั่วโลก และมีกำไรเป็นตัวเลขมหาศาล ยิ่งถ้าเขามองเห็นช่องทางการทำธุรกิจใหม่ นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นไปได้ และมีโอกาส ดิฉันไม่รอช้ารีบมาสมัครทันทีค่ะ และเป็นผู้ร่วมธุรกิจรุ่นแรกๆ ซึ่งดิฉันชอบค่ะ เป็นความท้าทาย ยิ่งเป็นรุ่นบุกเบิกแม้งานจะหนัก แต่ในอนาคตงานจะสบายขึ้นและไปได้เร็ว และที่สำคัญงานนี้ดิฉันทำแบบไม่มีความเครียดเลยค่ะ มีแต่ความสุขและรอยยิ้ม ทำให้ดิฉันสามารถดูแลตัวเองหลังการรักษาโรคมะเร็งได้อีกด้วย โดยในเวลานั้นสินค้ามีทั้งหมด 24 ชิ้นเป็นสกินแคร์ทั้งหมด แต่ดิฉันเรียนรู้อย่างจริงๆ และใช้สินค้า แม้ว่าในตอนแรกๆ ดิฉันจะงงอยู่เหมือนกันค่ะ จนถึงขึ้นต้องขอคำปรึกษาจากผู้บริหารยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค แต่กลับได้คำตอบว่า “ทำไป..แบบไม่ต้องคิดมาก” จากนั้นดิฉันถามต่อค่ะว่า แล้วดิฉันจะสำเร็จได้อย่างไร ผู้บริหารยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค อีกท่านหนึ่งบอกว่า “สำเร็จแน่ครับ..แต่อย่าหยุด” ดิฉันจึงยึดมั่นใน 2 คำตอบนี้ และปฏิบัติมาโดยตลอด จากวันนั้นจนวันนี้ ดิฉันทำแบบไม่คิดมาก และไม่หยุด เพราะจะต้องคิดมากทำไมค่ะ ในเมื่อระบบทุกอย่าง บริษัทเขาคิด และคัดกรองมาให้หมดแล้ว ดิฉันเริ่มต้นธุรกิจนี้โดยที่เรียนรู้เอง ถูกบ้าง ผิดบ้าง ไม่มีอัพไลน์ให้คำปรึกษา มีเพียงผู้บริหารยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค คอยแนะนำ ดิฉันจึงเชื่อมาเสมอว่า ความสำเร็จไม่ได้เป็นรางวัลสำหรับคนที่วิ่งเร็วเสมอไป แต่มีไว้สำหรับคนที่เดินไม่หยุด ดิฉันเดินทางบนเส้นทางธุรกิจเครือข่าย โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์เป็นคู่ค้าเข้าสู่ปีที่ 14 จนขึ้นสู่ทำเนียบสโมสรผู้บริหาร 10 ล้าน จากที่ครั้งหนึ่งหมอเคยบอกว่าดิฉันจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 3 เดือน เมื่อดิฉันทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกันค่ะ”
เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความสำเร็จจากผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ในงาน “GREAT DAY (เกรท เดย์) เราทำได้ คุณทำได้” ที่มาร่วมแชร์แบ่งปันเส้นทางสู่ความสำเร็จ ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้พบโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต เพราะยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค เชื่อว่า “เราทำได้ คุณทำได้”