กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--Brand Wealth
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 46% จากปีก่อนและมีกำไรสุทธิที่ 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีก่อน
ปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการมีการเติบโตสูงในไตรมาสที่ 1 ปี 2557 เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำของโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 (BIC1) เกือบ 700 ล้านบาท ซึ่งเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมิถุนายน 2556 นอกจากนั้น โรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี มีประสิทธิภาพในการเดินเครื่องและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยโรงไฟฟ้าหลักอย่าง โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ที่ สปป.ลาว รวมทั้งโรงไฟฟ้าอื่นๆอย่างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ของ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ต่างก็มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าทั้งสิ้น
ในปี 2557 ถึงแม้สภาวะเศษฐกิจในประเทศอาจจะมีการชะลอตัวด้วยปัจจัยทางการเมือง แต่บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทจะรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 เต็มปี ในขณะเดียวกันบริษัทก็มุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารโรงไฟฟ้าทุกแห่ง รวมถึงลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน และทยอยชำระเงินกู้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้โครงการต่างๆของบริษัทที่อยู่ภายใต้การพัฒนายังมีความก้าวหน้าไปด้วยดี ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ (กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปี 2560) โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำบาก ใน สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ (กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปี 2561) รวมทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโดย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ใน สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ (กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปี 2562) ภายในปี 2562 บริษัทจะมีกำลังการผลิตรวมถึง 2,320 เมกะวัตต์ เติบโตกว่า 200% ภายในเวลา 5 ปี และลุยศึกษาโครงการต่างๆในประเทศและภูมิภาคอย่างเต็มที่ซึ่งเป็นการสร้างความเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่องให้กับบริษัท