กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--แฟรนคอม เอเชีย
บริษัทเหมราชฯ ประกาศ
- รายได้จากการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2557 จำนวน 2,829.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38
- กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2557 จำนวน 1,042.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16
- (กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 982.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43)
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2557 สรุปได้ดังนี้
กำไรสุทธิ
สำหรับไตรมาส 1 ปี 2557 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,042.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.107 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 1 ปี 2557 จำนวน 982.7 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 59.4 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43
ในไตรมาส 1 ปี 2557 บริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน (ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) จำนวน 289.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 108 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) เป็นครั้งแรกจำนวน 20.3 ล้านบาท บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากการลงทุนด้านพลังงาน (โครงการเก็คโค่-วัน และโครงการกัลฟ์ เจพี เอ็นแอลแอล) จำนวน 59.4 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจำนวน 216.7 ล้านบาทจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับไตรมาส 1 ปี 2557 เท่ากับ 982.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า “โดยรวมผลประกอบการ 3 เดือนแรก ปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมและกำไรสุทธิที่ดี แม้จะมีผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 เป็นต้นมา และรวมถึงความล่าช้าในการอนุมัติโครงการสนับสนุนการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทั้งนี้บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 2,828.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 982.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
รายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม (ไม่รวมพลังงาน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และรายได้รวมจากอสังหาริมทรัพย์สำหรับเช่าลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยรายได้จากการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปที่ลดลง สาเหตุมาจากโรงงานให้เช่าพื้นที่รวม 150,000 ตารางเมตร ได้ถูกขายให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) เมื่อสิ้นปี 2556 ที่ผ่านมา
สำหรับ 3 เดือนแรก ปี 2557 บริษัทฯ สามารถขายที่ดินอุตสาหกรรมจำนวน 121 ไร่ (48 เอเคอร์ หรือ 19 เฮกตาร์) จากสัญญาจำนวน 11 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 5 ราย และการขยายกิจการของลูกค้าเดิมจำนวน 6 ราย นอกจากนี้เหมราชยังสามารถสร้างสถิติการโอนที่ดินในไตรมาส 1 ปี 2557 สูงถึง 809 ไร่
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า ธุรกิจโรงงานผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กแห่งแรกขนาด 126 เมกกะวัตต์ กับกัลฟ์ เจพี เอ็นแอลแอล (GJPNLL) ที่เหมราชถือหุ้นร้อยละ 25 ได้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 และโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน โครงการโรงไฟฟ้าอิสระกำลังการผลิต 660 เมกกะวัตต์ ที่เหมราชถือหุ้นร้อยละ 35 สามารถดำเนินการผลิตกระเสไฟฟ้าได้เกือบร้อยละ 99 โดยในไตรมาส 1 ปี 2557 บริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 108 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันคาดว่าจะได้รับกำไรถึง 1.2 พันล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2557-2559 นอกจากนี้แล้ว เหมราชฯ ยังมีแผนลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) อีก 6 โครงการ ในสัดส่วนร้อยละ 25.01 หลังจากที่โครงการได้มีข้อตกลงทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายในสิ้นปี 2557 นี้
เนื่องจากความต่อเนื่องด้านปัญหาทางการเมืองซึ่งมีผลกระทบติดลบต่อความเชื่อมั่นในประเทศ การขยายตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) การท่องเที่ยว และความต้องการในการบริโภคอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศลดลง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการขยายโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้า อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆ นี้เราได้เห็นการเคลื่อนไหวและการตัดสินใจในการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้น โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ถูกเลื่อนมา 6 เดือน ได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยส่งเสริมปริมาณการลงทุนได้มากขึ้นในอนาคต แม้เราจะมีการเริ่มต้นปี 2557 ที่ดี แต่ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายและทางเหมราชฯ เองก็ได้มีการระมัดระวังในแผนระยะสั้น เราเชื่อว่าการลงทุนในประเทศไทยและกลยุทธ์ทางธุรกิจของเหมราชยังคงเป็นที่น่าสนใจในระยะยาว ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการตั้งฐานการผลิต และการเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนด้านต่างๆ ทั้งต้นทุน เครือข่ายผู้จัดจำหน่ายที่ดี โครงสร้างพื้นฐานที่ดี และการขยายเข้าถึงตลาด
การลงทุนของบริษัทฯ มีการเติบโตที่สมดุลในธุรกิจหลัก อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2557 ของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนารายได้และกำไรอย่างสมดุลและสม่ำเสมอ โดยกลยุทธ์ของบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวเป็นหลัก”
รายได้รวมและผลการดำเนินงาน 3 เดือนแรก ปี 2557
สำหรับ 3 เดือนแรก ปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,829.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 2,045.4 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2556 เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 โดยรายได้มาจากธุรกิจหลักจำนวน 2,828.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 โดยรายได้การขายที่ดินอุตสาหกรรมใน 3 เดือนแรก ปี 2557 มีจำนวน 2,076.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 และ อัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 51 ทั้งนี้ยังมีรายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกจำนวน 1,251 ล้านบาทที่รอการรับรู้ในช่วง 3-18 เดือนข้างหน้าด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอน
รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 417.6 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 9 ส่งผลให้มีปริมาณและอัตราการใช้สาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น รายได้รวมจากระบบสาธารณูปโภคซึ่งรวมถึงรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม เงินปันผลจากบริษัทด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และรายได้จากระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 420.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6
รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานลดลง 208 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 3 เนื่องจากรายได้ที่ลดลงจากการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปจำนวน 34 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 24 จากการขายโรงงานบางส่วนเข้ากับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) ในไตรมาส 4 ปี 2556 อย่างไรก็ตามรายได้จากคลังสินค้าให้เช่ามีการเพิ่มขึ้น 24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 255 และรายได้จากการให้เช่าสำนักงานมีการเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราการเช่าเฉลี่ยที่สูงขึ้น ส่วนรายได้จากการขายโครงการที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น 124.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,381.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 1,188.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่แข็งแกร่ง ร้อยละ 49 และร้อยละ 42 ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญใน 3 เดือนแรก ปี 2557
- บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 121 ไร่ จาก 11 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 5 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 6 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 620 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 944 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 216 รายจากสัญญาซื้อขายจำนวน 331 สัญญา
- พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นสุทธิ 2,769 ตารางเมตร หรือร้อยละ 1 จากปี 2556 รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 300,137 ภายใต้การเช่าของบริษัทเหมราช 179,975 ตารางเมตร และภายใต้การเช่าเมื่อสิ้นปี 2556 ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) 120,162 ตารางเมตร
- พื้นที่เช่าของคลังสินค้ารวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 72,145 ตารางเมตร
เหตุการณ์ภายหลังไตรมาส 1 ปี 2557
- ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติ ให้จ่ายเงินปันผลงวดสุดท้าย จำนวน 0.11 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นเงินปันผลทั้งหมด 0.17 บาทต่อหุ้นสำหรับผลประกอบการของปี 2556
งบดุลรวมสำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2557
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 32,484 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 17,289 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 15,195 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 0.96 เท่า โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเป็นจำนวน 2,691 ล้านบาท