ฟูรูกาวาญี่ปุ่นรุกตลาดอาเซียน หนุนไทยเต็มสูบให้เป็นฐานการผลิตหลัก ภายหลังคว้ามาตรฐาน ISO/TS16949 และรางวัล Superbrands

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday May 24, 2005 11:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 พ.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
ฟูรูกาวาญี่ปุ่นรุกตลาดอาเซียน หนุนไทยเต็มสูบให้เป็นฐานการผลิตหลัก ภายหลังคว้ามาตรฐาน ISO/TS16949 และรางวัล Superbrands ส่วนในไทยหวังเจาะตลาด OEM ทุกค่ายทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ ตั้งเป้าโต 20%
เครือข่ายฟูรูกาวาแบตเตอรี่ญี่ปุ่น ผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ระดับโลก หนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาคอาเซียน ภายหลังจากโรงงานคว้ามาตรฐานการผลิตจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำได้แก่ QS 9000/ ISO9001, ISO 14001 และล่าสุด ISO/TS16949 รวมทั้งรางวัล Superbrands ตั้งเป้าขยายตลาดให้ คลอบคลุมความต้องการผู้ผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์ทั่วโลก ปีนี้ตั้งเป้าเติบโตอีกกว่า 20%
มร.อาคิระ วาดะ ประธานกรรมการ บริษัท สยามฟูรูกาวา จำกัด และกรรมการบริหาร บริษัท ฟูรูกาวา แบตเตอรี่ จำกัด เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า กลุ่มบริษัทฟูรูกาวา จากประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยบริษัทในเครือกว่า 57 บริษัท และบริษัทย่อยอีกกว่า 604 บริษัททั่วโลก โดยฟูรูกาวา อิเล็กทริค ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทฟูรูกาวาได้ก่อตั้งบริษัท ฟูรูกาวา แบตเตอรี่ขึ้นเมื่อประมาณกว่า 50 ปีมาแล้ว และได้ร่วมลงทุนก่อตั้งบริษัท สยาม ฟูรูกาวา จำกัด โดยร่วมทุนกับบริษัท ซิเมนต์ไทยโฮลดิ้ง จำกัดในสัดส่วน 71:29 ด้วยทุนจดทะเบียน 240 ล้านบาท ภายใต้ปณิธานที่ว่า “มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าให้เป็นผู้นำ โดยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต มุ่งเน้นการให้การบริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด และ ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม”
ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ฟูรูกาวา แบตเตอรี่ ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่สำหรับใช้ในยานยนต์, ในงานอุตสาหกรรม แบตเตอรี่สำหรับเทคโนโลยียานอวกาศ แบตเตอรี่สำหรับสำรองระบบไฟ เป็นต้น โดยแบตเตอรี่สำหรับใช้ในยานยนต์ มีลูกค้าที่สำคัญได้แก่ Toyota, Honda, Isuzu, Suzuki, Nissan Diesel, Hino, Daihatsu, Mitsubishi etc. และในตลาดรถจักรยานยนต์ได้แก่ Honda, Suzuki, Kawasaki โดยแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ ประมาณ 30% ที่จำหน่ายในตลาดญี่ปุ่นของฟูรูกาวาแบตเตอรี่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานของสยามฟูรูกาวา ในประเทศไทย
จากความมุ่งมั่นของฟูรูกาวาในการพัฒนาสินค้าให้เป็นผู้นำ โดยการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัย โดยบริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งจัดได้ว่าเป็น นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำยุคที่สุด และเป็นรายแรกของโลกในการผลิตผลิตภัณฑ์ “F-GUARD” แบตเตอรี่ที่สามารถวิเคราะห์สภาพและสถานะของตัวเองได้ในตัว ภายในยังประกอบไปด้วยโลหะผสมชนิดใหม่ —C21 ที่สามารถให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น และได้พัฒนาแบตเตอรี่สำหรับใช้ในรถไฟฟ้าซึ่งติดตั้งในรถไฟฟ้าสายที่วิ่งในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป’2005 ที่ญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาแบตเตอรี่สำหรับใช้ในรถรุ่นใหม่ ๆ ในทศวรรษหน้า อาทิ แบตเตอรี่แบบนิเกิลไฮไดร หรือ แบบลิเธียม ซึ่งมีขนาดความต่างศักย์มากกว่า 12 โวลต์ แต่จะมีขนาดเล็กลง และน้ำหนักน้อยลง และยังได้พัฒนาแบตเตอรี่ที่ใช้ในปัจจุบัน โดยการปรับปรุงสูตรโครงแผ่นธาตุใหม่ ๆ เพื่อให้มีความทนทานและสามารถใช้งานได้นานขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การตลาด ฟูรูกาวาแบตเตอรี บริษัทแม่ในญี่ปุ่น ได้วางกลยุทธ์ไว้ดังนี้คือ การมุ่งเน้นขยายฐานการตลาดในภูมิภาคอาเซียน อันเนื่องมาจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีปริมาณความต้องการใช้แบตเตอรีขยายตัวในอัตราที่สูงมาก โดยได้ใช้เมืองไทยและบริษัทลูกในเอเชีย เป็นฐานการผลิตที่สำคัญเพื่อขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่ และนำเข้าไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งการได้ประโยชน์อย่างมากจากกระแสความนิยมในการใช้รถญี่ปุ่น ซึ่งเทคโนโลยีของแบตเตอรี่เอฟบีที่ได้พัฒนาขึ้นมาให้เหมาะกับการใช้งานในภูมิภาค อาเซียน โดยหัวใจสำคัญในการดำเนินนโยบายและการดำเนินงานก็คือ 3Best FB อันได้แก่ The Best Technology, The Best Quality & The Best Service เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า สุดยอดของคุณภาพ และการบริการที่เป็นเลิศ
ด้านนายธวัชชัย วงศ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามฟูรูกาวา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่ชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “แบตเตอรี่ เอฟบี” กล่าวว่า ตลาดรวมแบตเตอรี่ ในปี 2547 มีอัตราการจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์สำหรับตลาดทดแทนในประเทศสูงถึง 2.3 ล้านลูก คาดการณ์ว่าปี 2548 จะอยู่ที่ประมาณ 2.7 ล้านลูก โดยในปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 20% ของตลาดรวม มีการส่งออกแบตเตอรี่ไปจำหน่ายยัง 46 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดหลักจะอยู่ในแถบตะวันออกกลางและเอเชียแปซิฟิก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% และจำหน่ายในตลาดภายในประเทศอีก 60% ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาคือ 20% โดยใช้กลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าออกไปให้กว้างมากขึ้น ทั้งในส่วนของตลาด ผู้ประกอบรถยนต์และจักรยานยนต์ (OEM), ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทฯ มีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 400 รายทั่วประเทศ แบ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายในกรุงเทพฯ ประมาณ 120 ราย และต่างจังหวัดประมาณ 300 ราย และในช่องทางโมเดิร์นเทรด อาทิ ศูนย์บริการรถยนต์ ศูนย์บริการและจำหน่ายยางรถยนต์ สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น
สำหรับตลาดของเอฟบี แบตเตอรี่นั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ตลาดรถยนต์ หรือตลาดแบตเตอรี่ที่ผลิตเพื่อป้อนโรงงานประกอบรถยนต์ (OEM) และตลาดทดแทน(REM) หรือตลาดอะไหล่ที่จำหน่ายอยู่ตามศูนย์บริการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตลาดแบตเตอรี่ที่ผลิตเพื่อป้อนโรงงานประกอบรถยนต์ (OEM) ที่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 16% เป็นผลเนื่องมาจากผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยมีแผนการที่จะส่งออกจากประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ เอฟบีแบตเตอรี่มีลูกค้าหลักในกลุ่มนี้คือ ฮอนด้า โตโยต้า อีซูซุ นิสสัน เมอร์เซเดส เบนซ์ และเล็กซัส ส่วนตลาดรถจักรยานยนต์มีส่วนแบ่งดังนี้ ฮอนด้า ซูซูกิ และคาวาซากิ นอกจากนี้ ในตลาดทดแทน(REM) ก็มีอัตราการเติบโตของแบตเตอรี่ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ในอัตราตัวเลข 2 หลัก (2 Digits) ทั้งนี้เป็นผลมาจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับในอนาคตอันใกล้นี้แบตเตอรี่ดังกล่าวก็จะหมดอายุการใช้งาน โดยในตลาดทดแทนมีแนวโน้มเติบโตที่ 10-15% เนื่องจากมีการซื้อเพื่อทดแทนเข้ามา เป็นผลให้ตลาดแบตเตอรี่โดยรวมมีอัตราการเติบโตในอนาคต
นโยบายการตลาดของเอฟบี แบตเตอรี่ในปี 2548 นั้นได้แก่
- มุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพ
- ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
- ลูกค้าคือคนสำคัญ
- ใช้แนวทางการตลาดแบบบูรณาการ
- การบริการที่รวดเร็วและยอดเยี่ยม
โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพของสินค้า เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และได้ผ่านการยอมรับจาก ผู้ผลิตรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เป็นเวลายาวนานในประเทศญี่ปุ่น สินค้า เอฟบี ได้ถูกออกแบบให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล (Japannese Industrial Standars-JIS D5301-1986) และมาตรฐานยุโรป (German Standard-DIN 43539 PART 2-1963) โดยได้รับการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพอย่างครบครัน อาทิ ISO9000, QS9000, ISO14001 และมาตรฐาน มอก. อีกด้วย ล่าสุด บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/TS 16949 และ ISO9001:2000 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับของผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ของโลก โดยเป็นรายแรกในวงการแบตเตอรี่ของเมืองไทยที่ได้รับ นอกจากนี้แล้ว ในด้านการยอมรับจากผู้บริโภค แบตเตอรี่เอฟบียังได้รับรางวัล Superbrands อันเนื่องมาจากการมีโฆษณาที่เป็นที่จดจำของผู้บริโภค และบริษัทมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 7 ปีก็สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 3 ในตลาดแบตเตอรี่เมืองไทย
ในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บริษัทได้นำเทคโนโลยีจากฟูรูกาวาญี่ปุ่น เพื่อมุ่งมั่นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องให้มีมาตรฐานคุณภาพที่สูง สนองตอบต่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า เพราะเราถือว่า ลูกค้าคือคนสำคัญ จึงได้มีการสร้างสรรค์กิจกรรมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ด้วยแนวทางการตลาดแบบบูรณาการ โดยใช้สื่อโฆษณา-ประชาสัมพันธ์แบบผสมผสาน นอกจากนี้ยังมีการสื่อสารแบบ 2 ทาง (2 ways communication) ผ่านทางเว็บไซต์ www.fbbattery.com นอกจากนี้ยังเน้นการจัดกิจกรรมการตลาดในหลากหลายรูปแบบ การใช้สื่อโฆษณา ณ จุดขายและหน้าร้าน เพิ่มการรับรู้ในตราสินค้าให้กับผู้บริโภค รวมไปถึงการสร้างแบรนด์เพิ่มขึ้น ยังเน้นการลงพื้นที่ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อจัดสัมมนาให้ความรู้ทางธุรกิจให้กับตัวแทนจำหน่าย จัดการประกวดการจัดดิสเพลย์หน้าร้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย มีการใช้กลยุทธ์การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM: Customer Relation Management) และการบริการที่รวดเร็วและยอดเยี่ยม เน้นการบริการ การจัดส่งที่ตรงเวลาและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปีนี้ได้ใช้การจัดส่งผ่านทาง CTL หรือ Cementhai Logistics เน้นการให้บริการเคลมสินค้าที่รวดเร็ว และยังมี ฮอตไลน์ สายด่วนตอบทุกคำถามเรื่องแบตเตอรี่
“ขณะนี้ ในส่วนของโรงงานผลิตแบตเตอรี่เอฟบี ยังได้มีการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์จาก 1,700,000 ลูกต่อปี เป็น 2,000,000 ลูกต่อปี นอกจากนี้ยังได้เพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์เป็น 1,500,000 ลูกต่อปีอีกด้วย เพื่อรองรับกับปริมาณความต้องการในตลาดในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ สำหรับส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ และยังมีแผนที่จะย้ายฐานการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์รุ่นใหญ่ จากญี่ปุ่นมาผลิตเพื่อส่งออกในเมืองไทยอีกด้วย” นายธวัชชัย กล่าวในที่สุด
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
จิดาภา ประมวลทรัพย์, นันทพร บุญ-หลง
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร 0-22693-7835-8ต่อ 32, 33 0-1817-7153, 0-1851-2088
โทรสาร 0-2693-6920
E-mail: info@siampr.co.th--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ