ค่าย “ปลาดาว” ดึงเด็กมัธยมฝังชิพ “คิดดี ทำดี” ปลุกพลังบวกในตัว “เยาวชน” เพื่อสังคม

ข่าวทั่วไป Monday May 19, 2014 14:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--ฝ่ายสื่อสารสังคม มูลนิธิสยามกัมมาจล เพื่อพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะ “การคิด” ที่ดี กล้าปลดล็อกตัวเองจากข้อจำกัดเดิมๆ แล้วพัฒนาให้เป็นคนใหม่ที่กล้าคิด กล้าแสดงออก เก่งและดีที่ตัวเอง และพร้อมแบ่งปันเป็น "จิตอาสา" เพื่อผู้อื่น กลุ่มเยาวชนปลาดาวจึงจัดค่ายฤดูร้อน "Pladao Fill Up Your Life Summer Camp" ขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยปีนี้มีน้องๆ เหล่ากระโปรงบาน – ขาสั้น 27 คนจาก 13 โรงเรียนเครือข่ายเข้าร่วมกิจกรรมค่าย 5 วัน 4 คืนระหว่างวันที่ 23-27 เมษายนที่ผ่านมา ณ พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย และศูนย์ฝึกอบรม พีระยา นาวิน จ.ระยอง ในการสนับสนุนของผู้ใหญ่ใจดีอย่างสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มูลนิธิเอสซีจี และมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) "ดอฟ" ธนพิพัฒน์ ธำรงสุธัญยุทธ์ ประธานกลุ่มเยาวชนปลาดาว กล่าวถึงการจัดค่าย Pladao Fill Up Your Life Summer Camp ครั้งนี้ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้น้องๆ ที่กำลังศึกษาในระดับชั้นมัธยมฯ ได้ฝึกทักษะการคิด เป็นคน “คิดเป็น” คือคิดถึงคนอื่นรอบข้างบ้าง ไม่ใช่การคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองเพียงอย่างเดียว เมื่อเกิดปัญหาก็เริ่มแก้ปัญหาได้ถูกจุด ไม่โยนความผิดไปให้คนอื่น แต่เป็นตัวเราที่ต้องลุกขึ้นมาแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อน ตามที่ปลาดาวมีสโลแกนประจำกลุ่มว่า “Change yourself , Change the world” โดยเรื่องราวของการ “คิดเป็น” นี้น้องๆ จะค่อยๆ เรียนรู้จากการทำกิจกรรมแล้วกลับมาพูดคุยกันในแต่ละวัน “กลุ่มปลาดาวเป็นกลุ่มเยาวชนที่ทำงานในด้านของการพัฒนาศักยภาพ แต่ศักยภาพที่สำคัญที่สุดที่เราให้ความสำคัญคือศักยภาพทางความคิด เพราะเชื่อว่าทุกการกระทำมันมีต้นเหตุมาจากการคิด ถ้าหากเราสอนให้เด็กคิดได้อย่างถูกต้อง คิดได้อย่างถูกทาง มันจะสามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องมาเสียเวลาแก้ปัญหาทีละประเด็น” สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจภายในค่ายเช่น การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย และเรียนรู้ประวัติความเป็นมาตลอดจนความสำคัญของการเงินการธนาคารของประเทศไทยตั้งแต่อดีตจวบจบถึงปัจจุบัน อันทำให้ประเทศไทยมีเอกราชทางการเงิน ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของชาติมหาอำนาจ ณ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน กรุงเทพฯ การชวนคิดชวนคุยเรื่อง “ความพอเพียงของเยาวชนวิถีเมือง” กับ ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์ อาจารย์ภาควิชาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่มาชี้ชวนให้น้องๆ เห็นว่าแท้จริงแล้ว เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว เพียงเรารู้จักกำลังของตนเอง ไม่ทำอะไรเกินตัว ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น รู้จักวางแผนการเงินและการออมบ้าง เพียงเท่านี้ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข รวมถึงการล้อมวงพูดคุยกับพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ อดีตผู้บริหารดีแทค ในหัวข้อ “พลังเยาวชนต่อการเปลี่ยนแปลงสังคม” ที่มาเปิดโลกทัศน์น้องๆ ว่า ทุกๆ ความสำเร็จล้วนมาจากความเพียรพยายาม การอดทนต่อความยากลำบาก น้องๆ เองควรหมั่นเปิดรับโอกาสและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เข้ามาสู่ชีวิตเสมอ โดยไม่หลงลืมที่จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารเพื่อนำเสนอความคิดเห็นของเราสู่สังคมได้แม่นยำ ตรงเป้าหมาย ด้านกิจกรรม “สัตว์สี่ทิศ” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีสาระดีๆ น่าสนใจ โดยเป็นการนำลักษณะของสัตว์สี่ชนิดมาเทียบเคียงกับลักษณะนิสัยของบุคคลสี่ประเภท ได้แก่ “หนู” แทนบุคคลที่มีนิสัยเอาใจใส่ ห่วงใยสัมพันธภาพ เกรงใจเพื่อน แต่มีข้อเสียคือปากกับใจไม่ตรงกัน “กระทิง” แทนบุคคลที่มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เน้นเป้าหมายเป็นหลัก แต่มีข้อเสียคือความใจร้อน “หมี” แทนบุคคลที่มีนิสัยชอบความมั่นคง มีระเบียบ ทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน แต่มีข้อเสียคือไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง และ “นกอินทรี” แทนบุคคลที่มีนิสัยชอบการเปลี่ยนแปลง ชอบมองภาพรวม แต่มีข้อเสียคือรู้มากแต่ไม่ลงมือทำ โดยคนที่มีลักษณะของสัตว์แต่ละชนิดก็ยังอาจแสดงนิสัยออกมาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในเวลานั้นๆ ด้วย โดยกิจกรรมนี้ทำให้น้องๆ ได้ทบทวนและรู้จักตัวเองมากขึ้น ทั้งยังรู้ว่าตัวเองและเพื่อนต่างมีนิสัยที่เป็นข้อดี - ข้อเสียแตกต่างกัน สามารถนำไปคิดต่อว่าเราทำอย่างไรที่จะสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดข้อขัดแย้งลงได้มากที่สุด อีกหนึ่งไฮไลต์ยังอยู่ที่กิจกรรม “ถุงดำ” น้องๆ แต่ละกลุ่มสีได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่บริเวณชายหาดและตลาดสดบ้านเพ ใช้ความรู้ความสามารถช่วยกันระดมทุนจากพ่อค้าแม่ขาย ชาวบ้าน ตลอดจนนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุดในเวลาจำกัดเพื่อใช้เป็นค่าอาหารของสมาชิกชาวค่ายในช่วงค่ำ โดยก่อนออกปฏิบัติภารกิจ พี่เลี้ยงได้ให้น้องๆ สุ่มเลือกถุงดำที่มีอุปกรณ์ประกอบอาชีพไม่เหมือนกัน เช่น อุปกรณ์การนวด อุปกรณ์หมอดู และถุงดำที่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ อยู่เลย กิจกรรมนี้ น้องๆ จึงต้องระดมพลังกันสุดฤทธิ์ เพราะเห็นได้ชัดว่าอุปกรณ์ที่ได้รับมาไม่อาจทำให้บรรลุภารกิจได้ บางกลุ่มจึงใช้การร้องและเต้นให้บริการสร้างความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวกับครอบครัวในวันหยุด และบางกลุ่มรวมพลังกันทำความสะอาดชายหาดเก็บขยะไปคัดแยกและขาย โดยกิจกรรมนี้มุ่งสอนให้น้องรู้จักการเข้าหาชุมชน เรียนรู้มิตรไมตรีจากผู้คนรอบข้าง รวมถึงการคิดนอกกรอบใช้ความรู้และทักษะที่เรามีทำประโยชน์ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยอุปกรณ์ หรือ อาชีพ ที่ถูกกำหนดไว้ในถุงดำซึ่งพี่ๆ ให้ไว้ในตอนเริ่มต้น ถัดจากกิจกรรมนี้จึงเป็นกิจกรรมรับรุ่น และพิธีบายศรีรับขวัญน้องปลาดาวรุ่นใหม่ หลังจบค่าย ทุกคนต่างสะท้อนเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกประทับใจและได้เรียนรู้อะไรกลับไปมากมายแตกต่างกันออกไป ทั้งในส่วนของพี่เลี้ยงค่าย และน้องสมาชิกค่าย เริ่มจาก น้องมิ้นต์ นางสาวศุวิสา สิงห์สั่งถ้ำ นักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนวัดพุทธบูชา กรุงเทพฯ อดีตน้องค่ายที่ปีนี้ผันตัวมาในฐานะพี่เลี้ยง กล่าวว่าเมื่อก่อนเป็นเด็กขี้เกียจ ติดเล่น ไม่ช่วยงานบ้าน แต่เมื่อมาค่ายปลาดาวแล้วก็เปลี่ยนเป็นเด็กที่หยิบจับช่วยเหลืองานบ้านจนที่บ้านแปลกใจ สาเหตุเพราะได้เห็นตัวอย่างจากพี่เลี้ยงที่คอยมาถามไถ่ และเป็นห่วงเป็นใยน้องๆ จนต้องกลับมาทบทวนตัวเอง และหันไปมองคนรอบตัว อยากทำเพื่อคนอื่นบ้าง “อย่างที่บ้าน เราก็เห็นว่าพ่อแม่เราเหนื่อยนะ เราก็เลยอยากช่วย ตอนนี้ที่บ้านหรือที่โรงเรียน ใครต้องการให้เราช่วยอะไร เราก็จะช่วยหมด หรือเราจะเข้าไปถามเองว่ามีอะไรให้ช่วยไหม สำหรับค่ายครั้งนี้ได้มาเป็นพี่เลี้ยงเองก็รู้สึกประทับใจ จากปีที่แล้วเป็นน้องมีรุ่นพี่ดูแล กลายเป็นว่าปีนี้เรามาเป็นรุ่นพี่ได้ดูแลรุ่นน้องบ้าง เมื่อรุ่นน้องเห็นเราเหนื่อยก็มาถามไถ่ เป็นห่วงเรา ก็รู้สึกดี ส่วนรุ่นพี่ปลาดาวก็คอยให้คำแนะนำ ทำให้เรารู้ว่าการเป็นพี่เลี้ยงที่ดีจะต้องทำอย่างไรบ้าง” เช่นเดียวกันกับ น้องตาร์ นายกฤตนัย แววสูงเนิน อีกหนึ่งพี่เลี้ยงรุ่นใหม่จากชั้น ม. 6 โรงเรียนบ้านค่าย จ.ระยอง เห็นตรงกันว่าได้เรียนรู้จากค่ายปลาดาวมาก โดยเฉพาะเรื่องการทำงานหนัก พี่ๆ บอกว่าการทำงานหนักเป็นเรื่องท้าทาย และเป็นสิ่งที่เข้ามาทดสอบตัวเราว่าเราจะทำได้หรือไม่ ตอนนี้ตัวเองรู้จักการบริหารและแบ่งงาน หากมีงานอะไรที่โรงเรียนก็จะไม่หวงงานไว้ทำคนเดียว กล้าคิด กล้าแสดงออก กล้าทำสันทนาการ ไม่ขี้อายเหมือนในอดีต สำหรับการเป็นพี่เลี้ยงครั้งนี้ก็ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับน้องๆ รวมถึงได้กำลังใจดีๆ จากน้องๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ส่วนเสียงสะท้อนจากน้องค่ายอย่าง น้องฝ้าย นางสาวไอริณ พัวสุวรรณ ชั้น ม.5 โรงเรียนราชินีบน กรุงเทพฯ บอกว่ามาค่ายครั้งนี้เพราะอยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ดีกว่าปล่อยเวลาช่วงปิดเทอมอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำอะไร ถ้ามาค่ายแล้วไม่สนุก อย่างน้อยๆ ก็คงได้บทเรียนอะไรเพิ่มเติม แต่หากสนุกก็จะได้เพื่อนใหม่และความทรงจำดีๆ กลับไปด้วย เมื่อมาค่ายจริงๆ แล้วก็รู้สึกสนุกมาก ได้ทั้งเพื่อนใหม่และข้อคิดดีๆ และได้ปลดล็อกตัวเองจากคนที่ไม่กล้ายืนยันความคิดตัวเอง มาเป็นคนกล้าคิดกล้าพูด หรือแสดงความคิดต่างจากเพื่อน ทั้งนี้ก็ด้วยการที่พี่เลี้ยงให้กำลังใจให้เราได้ทำได้พูดในสิ่งที่เราคิดจริงๆ กลับจากค่ายแล้วก็จะพยายามฝึกตนเองให้เป็นคนกล้าคิดกล้าแสดงออกมากขึ้น และหากมีโอกาสก็จะช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนอย่างที่ตัวเองได้รับความช่วยเหลือในค่ายนี้ ขณะที่ น้องไอซ์ นายธีรวัฒน์ พรศรีประเสริฐ ชั้น ม.5 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี ๒) กรุงเทพฯ บอกว่ารู้สึกประทับใจกับความเป็นครอบครัวของพี่ๆ กลุ่มปลาดาว ที่มีการพึ่งพาและช่วยเหลือกันเป็นตัวอย่างให้แก่ตนเองได้นำกลับไปทำตามอย่างในชีวิตจริง “กิจกรรมที่ชอบมากที่สุดคือกิจกรรมถุงดำที่ทำให้เรียนรู้ว่าความกล้าเป็นสิ่งที่ไม่ผิด ถ้าเรากล้าในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง คือเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่น ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน รวมทั้งเราต้องมีความอดทนฟันฝ่าอุปสรรคจนไปถึงความสำเร็จ” น้องไอซ์ปิดท้าย ภายหลังจบจากค่าย Pladao Fill Up Your Life Summer Camp แล้ว น้องๆ ทั้ง 27 คนจะแยกย้ายกันกลับไปที่โรงเรียนเพื่อทำโครงงานจิตอาสาพัฒนาโรงเรียนตัวเองโรงเรียนละหนึ่งกิจกรรม สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่มีชมรมปลาดาวก็จะกลับไปจัดตั้งชมรมปลาดาวขึ้นภายใต้การให้คำปรึกษาของอาจารย์ในโรงเรียน เพื่อให้ชมรมปลาดาวเป็นจุดเชื่อมต่อและหลอมรวมพลังเยาวชนที่ต้องการทำกิจกรรมจิตอาสา แต่ยังไม่ทราบว่าจะทำที่ไหน และทำอย่างไร ได้เข้ามาผนึกกำลังเป็นเยาวชนที่มีสำนึก “อาสา” ทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกันกับกลุ่มปลาดาว นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่น่าจับตามอง และให้การสนับสนุน เพื่อให้เยาวชนของไทยเป็นเยาวชนที่คิดดี ทำดี เพื่อตนเองและชุมชนสืบไป.
แท็ก summer camp  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ