กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--Weber Shandwick
จากรายงานข่าวตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการแอบดูดข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม หรือที่เรียกกันว่า สคิมมิง และการแฮ็กข้อมูลออนไลน์ในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า อาชญากรสมัยนี้ มีวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้นในการโจรกรรมเงินในบัตร หรือขโมยข้อมูลระบุตัวตนของเจ้าของบัตรฯ กุญแจสำคัญในการต่อสู้กับการโจรกรรมในลักษณะนี้ อยู่ที่การเปิดรับข้อมูลข่าวสารและรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องพึงระมัดระวัง มาสเตอร์การ์ด จึงขอแนะนำ 7 ขั้นตอนง่ายๆ ในการป้องกันจากการโจรกรรมและปลอมแปลง ดังนี้
1. เซ็นชื่อบนบัตรของคุณ: เซ็นลายมือชื่อบนบัตรใหม่ทันทีที่คุณได้รับมา ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ บุคคลอื่นเซ็นแทนในกรณีที่บัตรสูญหายหรือถูกขโมยแล้วอาจนำไปรูดซื้อสินค้า
2. ระวังผู้ไม่หวังดีมาหลอกล้วงข้อมูล: อย่าตอบอีเมล์หรือข้อความทางโทรศัพท์ที่น่าสงสัย โดยเฉพาะกรณีที่ขอให้คุณบอกข้อมูลส่วนตัว นั่นอาจเป็นแผนของแก๊งมิจฉาชีพที่จ้องจะขโมยข้อมูลของคุณ
3. หาข้อมูลก่อนเสมอ: ก่อนที่จะซื้อสินค้าหรือบริการใดๆ ควรค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่คุณไม่คุ้นเคย โดยการค้นหาจากอินเตอร์เน็ต สอบถามเพื่อนๆ หรือโทรสอบถามสำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภคที่หมายเลข 1166 ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณซื้อสินค้าหรือบริการกับบริษัทที่มีชื่อเสียงไว้ใจได้เท่านั้น
4. ป้องกันข้อมูลของคุณ: เก็บรักษาข้อมูลบัตรในโทรศัพท์ด้วยวิธีที่ปลอดภัยรัดกุม ต้องแน่ใจว่าข้อมูลนั้นสามารถเข้าถึงได้โดยใช้รหัสผ่าน/รหัสลับเท่านั้น วิธีนี้จะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณในกรณีที่มือถือของคุณสูญหายหรือถูกขโมย
5. ตรวจสอบซ้ำ: ตรวจสอบบัตรของคุณเป็นระยะๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบัตรใบไหนหายไป หลายคนมักคิดว่าบัตรต่างๆยังคงอยู่ในที่ของมัน แต่จะไม่ดีกว่าหรือหากเราจะตรวจสอบดูสักหน่อยว่าบัตรทุกใบยังคงอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ไม่หายไปไหน
6. ตรวจทานอย่างละเอียด: ตรวจทานใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตของคุณอย่างละเอียดทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรายการที่น่าสงสัยพ่วงมาด้วย ตรวจสอบค่าใช้จ่ายทุกรายการที่ไม่คุ้นเคย โดยไล่เลียงดูในรายละเอียดของใบแจ้งหนี้ที่คุณได้รับ
7. ฉีกเอกสารก่อนทิ้ง: ถ้าคุณได้รับใบแจ้งยอดบัญชี หรือข้อมูลบัตรที่เป็นเอกสาร ควรฉีกเอกสารเหล่านั้นก่อนทิ้งลงถังขยะ ทั้งนี้ เพื่อรักษาข้อมูลสำคัญของคุณให้ปลอดภัย หลังจากที่เอกสารพวกนั้นหลุดจากมือคุณไปแล้ว
ช้อปปิ้งออนไลน์อย่างไรให้ปลอดภัย
จากข้อมูลที่ระบุในรายงานการศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ของมาสเตอร์การ์ด (MasterCard Online Shopping Behavior Study) คนไทยเป็นหนึ่งในผู้ที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุด นอกจากมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดที่มาสเตอร์การ์ดนำมาใช้ในกระบวนการซื้อขายสินค้าออนไลน์แล้ว คุณสามารถป้องกันตัวเองด้วยวิธีการต่อไปนี้:
- ต้องรู้จักร้านค้าที่คุณจะซื้อสินค้าหรือบริการนั้นดีพอ ตรวจสอบชื่อเสียงเรียงนามของผู้ขาย โดยหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สอบถามจากเพื่อนๆ ตรวจสอบกับ สคบ. และดูว่ามีเว็บไซต์ที่ลูกค้ารายอื่นๆ แสดงความเห็นไว้หรือไม่ พึงระวังร้านค้าออนไลน์ที่เสนอราคาถูกเกินไป เพราะร้านพวกนี้มีแนวโน้มที่จะหลอกลวงลูกค้า
- ตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัย ถ้าคุณต้องให้หมายเลขบัตรเครดิตทางออนไลน์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อของคุณมีความปลอดภัย เบราว์เซอร์ส่วนใหญ่จะแสดงไอคอน พิเศษ เช่น รูปกุญแจเพื่อแสดงว่าเว็บไซต์นั้นมีความปลอดภัย นอกจากนี้ บนเว็บไซต์ของร้านค้าจำนวนมาก ยังแจ้งให้คุณทราบกรณีมีข้อควรระวังด้านความปลอดภัย ฉะนั้น ควรมองหา คำแนะนำนี้ ถ้าคุณหาไม่พบ ควรสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
- ป้องกันอีเมล์ของคุณ อีเมล์ไม่ถือเป็นรูปแบบของการสื่อสารที่มีความปลอดภัย ดังนั้น เพื่อปกป้อง หมายเลขบัญชีของคุณและหลีกเลี่ยงการโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิต ไม่ควรส่งหมายเลขบัญชีหรือข้อมูลทางการเงินอื่นๆ ของคุณทางอีเมล์
- ป้องกัน PIN และหมายเลขบัญชีของคุณ อย่าไว้ใจพนักงานขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ ทางโทรศัพท์ หรือใครก็ตามที่คุณไม่รู้จัก ถ้าข้อเสนอฟังดูดีเกินจริง ควรสละสิทธิ์นั้นเสีย การให้หมายเลขบัตรสำหรับชำระเงินก็ต่อเมื่อคุณตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้นแล้ว หรือหากคุณได้เริ่มต้นเจรจาต่อรอง คุณไม่ควรเปิดเผยรหัส PIN หรือรหัสผ่านเข้าบัญชีใดๆ ของคุณ แก่ร้านค้าออนไลน์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม และไม่ควรใช้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือ PIN เป็นรหัสผ่าน
หากคุณสงสัยว่าคุณโดนโจรกรรมหรือปลอมแปลงแล้ว จะทำอย่างไรดี
โทรหาธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ออกบัตรให้คุณทันที บัตรของคุณอาจถูกยกเลิกและผู้ออกบัตรจะออกบัตรใหม่ให้คุณ แต่ควรตรวจสอบที่อยู่ของคุณให้ถูกต้องก่อนสิ้นสุดขั้นตอนนี้
ถ้าคุณเป็นลูกค้าบัตรมาสเตอร์การ์ด คุณจะได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยจากธุรกรรมที่ไม่พึงประสงค์ขณะใช้บัตรเครดิตของคุณ นโยบาย Zero Liability ของมาสเตอร์การ์ดสำหรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นใน ร้านค้า ผ่านทางโทรศัพท์ หรือบนอินเทอร์เน็ต จะปกป้องคุณตามเงื่อนไขต่อไปนี้:
1. คุณได้แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่ามีการดูแลและระวังป้องกันบัตรของคุณ จากความเสี่ยงที่เกิดจากการสูญหาย ถูกขโมย หรือการใช้บัตรที่ไม่พึงประสงค์
2. คุณแจ้งให้ผู้ออกบัตรทราบในทันที โดยไม่รีรอเมื่อคุณพบว่าบัตรสูญหาย ถูกโจรกรรม หรือถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
3. คุณไม่เคยรายงานเหตุการณ์นำบัตรไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตตั้งแต่ 2 กรณีขึ้นไปในช่วง 12 เดือน ก่อนหน้านี้
4. บัญชีของคุณอยู่ในสถานะปกติ
5. คุณได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในข้อตกลงของผู้ถือบัตรอย่างครบถ้วน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย Zero Liability ได้ที่ http://www.mastercard.com/sea/consumer/zero-liability.html