สารสาสน์เอกตรา ผุดโครงการนำร่อง GAC พัฒนาภาษาล่วงหน้า รับเออีซี เปิดทางเด็กจบม.6 ศึกษาต่อมหาวิทยาลัยดังทั่วโลกได้ทันที

ข่าวทั่วไป Tuesday May 20, 2014 11:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--คอร์ แอนด์ พีค โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา เปิดโครงการนำร่อง GAC พัฒนาภาษาให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ฝึกภาษาและทักษะการค้นคว้าวิจัย ให้พร้อมเพื่อการเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ทั้งใน ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลียและเอเชีย เผยโครงการนี้ เป็นการรองรับเปิดเสรีประชาคมอาเซียน โดยเด็กนักเรียนไม่จำเป็นต้องเรียนหลักสูตรเตรียมความพร้อมก่อนเข้ามหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ทำให้ประหยัดเวลาไปได้ 6 เดือน – 1 ปี ช่วยผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันวอนรัฐพิจารณาหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการออกใบอนุญาต เนื่องจากการแข่งขันของตลาดการศึกษาในภูมิภาคเอเซีย ต่างต้องการครูเจ้าของภาษา อาจารย์พิสุทธิ์ ยงค์กมล ผู้อำนวยการโรงเรียนสารสาสน์เอกตรา โรงเรียนเอกชนสองภาษาแห่งแรกของประเทศไทย กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้เปิด โครงการ GAC (Global Assessment Certificate) ซึ่งเป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้มีทักษะที่สามารถใช้ในการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา (Soft skills) ทั้งในด้านการใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ (EAP - English for Acadamic Purpose) ทักษะการทำวิจัย การนำเสนอผลงาน การทำงานเป็นทีม ฯลฯ ที่ดำเนินการแล้วใน 17 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย แคนาดา จีน เกาหลี นิวซีแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ โดยเด็กที่เข้าโครงการ GAC เมื่อจบชั้นม.6 นอกจากจะสำเร็จการศึกษาชั้นม.ปลายตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการแล้ว ยังได้รับประกาศนียบัตรหลักสูตร GAC ซึ่งสามารถใช้ยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัย ในต่างประเทศได้ อาทิ มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชีย โดยเมื่อได้รับการตอบรับ นักเรียนสามารถโอนหน่วยกิต หรือได้รับการยกเว้นการเรียนบางวิชา ที่ได้มีการเรียนมาแล้วในหลักสูตร GAC รวมถึงการเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นข้อดีในเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาได้ถึง 6 เดือน – 1 ปี “การเรียนหลักสูตร GAC นอกจากจะได้ Soft Skills ที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น ในหลักสูตร GAC ยังมีการเรียนคอร์สเตรียมความพร้อมเพื่อการสอบ IELTS (หรือ TOEFL) ที่ทำให้นักเรียนเอกตราที่จบโครงการ GAC ไปแล้ว 3 รุ่น มีผลสอบ IELTS ในระดับดีมาก ซึ่งช่วยให้นักเรียนเข้าศึกษาต่อในคณะและมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ซึ่งนักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อต่างประเทศ ก็สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในไทยได้ทั้งหลักสูตรปกติและหลักสูตรภาษาอังกฤษ“ หลักสูตร GAC เป็นความร่วมมือกับ ACT Education Solution Ltd. ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมที่ออกแบบมาสำหรับนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 โดยเฉพาะ โรงเรียนสารสาสน์เอกตราเป็นโรงเรียนแรกและโรงเรียนเดียวในประเทศไทย ที่ได้ดำเนินการมาแล้ว 4 ปี นับว่าได้ผลดี เพราะนักเรียนมีทักษะในการเรียนรู้และการค้นคว้าวิจัยด้วยตนเอง มีความสามารถด้านทักษะการใช้ภาษาอังกฤษขั้นสูงเพื่อการค้นคว้าวิจัยในระดับมหาวิทยาลัย หรือระดับที่สูงกว่า (EAP-English for Academic Purpose) ได้รับการพัฒนาทักษะทางคอมพิวเตอร์ มีพื้นฐานความรู้ที่แม่นยำในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มีเทคนิควิธีการที่ช่วยให้นักเรียนสามารถประสบความสำเร็จด้านการเรียนในมหาวิทยาลัยที่สอนเป็นภาษาอังกฤษได้ ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยที่สามารถตอบรับหลักสูตร GAC (Pathway Universities) 140 แห่งทั่วโลก เช่น Singapore Institute of Management (SIM) ในสิงคโปร์, University of Glasgow , University of Chichester , University of Portsmouthในอังกฤษ, Curtin University, Deakin University, RMIT University ในออสเตรเลีย, Webster University, University of Illinois at Springfield ในอเมริกา (ข้อมูลรายชื่อมหาวิทยาลัยอื่นๆ ตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ http://www.actinternationalservices.com/en/aesl/pathway.html วอนรัฐพิจารณาบุคลากรครูขาดแคลน อาจารย์พิสุทธิ์ กล่าวว่า ทุกประเทศไม่ว่าจะเป็น ลาว กัมพูชา เวียดนาม มีการเตรียมความพร้อมเรื่องประชาคมอาเซียนเหมือนกันหมด โดยทุกประเทศมีความต้องการครูต่างชาติสูงมาก ซึ่งรวมไปถึงประเทศจีน และเกาหลี ซึ่งทุกประเทศต่างสนับสนุนให้ชาวต่างชาติเข้าไปประกอบอาชีพครูสอนภาษาอังกฤษ แต่ประเทศไทยเราเอง กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม คือ เรามีหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการออกและต่อใบอนุญาตครูต่างชาติที่ยุ่งยาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐที่ประชาสัมพันธ์ว่าให้การสนับสนุนและส่งเสริมการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเปิด AEC ในความเป็นจริงสถานการณ์ความขาดแคลนครูต่างชาติในปัจจุบันมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะเมื่อครูต่างชาติเป็นที่ต้องการของประเทศรอบๆบ้าน ครูเหล่านั้นจะเลือกไปทำงานในที่ที่ขั้นตอนและหลักเกณฑ์มีความยุ่งยากหรือซับซ้อนน้อยกว่า หากพบว่าค่าตอบแทนเมื่อเทียบกับค่าครองชีพแล้วต่างกันไม่มาก หรือในบางประเทศเช่น จีน เกาหลี ยังสามารถให้ค่าตอบแทนได้มากกว่าอีกด้วย ประเทศไทยต้องการครูที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ซึ่งในความเป็นจริง ครูที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจากประเทศเจ้าของภาษา เช่น อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย ได้รับค่าตอบแทนที่สูงมากและมีความขาดแคลนอยู่แล้วในประเทศของเขา หากมาทำงานในประเทศไทย โรงเรียนจะต้องจ้างด้วยค่าตอบแทนที่สูงมากเช่นกัน และเมื่อโรงเรียนต้องจ้างด้วยค่าตอบแทนสูง ก็ต้องเรียกเก็บจากผู้ปกครองสูงตามไปด้วย การมีหลักเกณฑ์เพื่อรับรองคุณภาพนั้นเป็นสิ่งดี แต่ต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆประกอบด้วย ยิ่งการแข่งขันกับต่างประเทศมีมากขึ้น เราก็ควรปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ คุณภาพของนักเรียนและความไว้วางใจจากผู้ปกครอง ถือเป็นมาตรการในการควบคุมคุณภาพชั้นดีอยู่แล้ว เนื่องจากผู้ปกครองในปัจจุบันต่างมีความรอบรู้ มีการศึกษาสูง การที่โรงเรียนได้รับการรับรองจากหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่เป็นที่ต้องการของผู้ปกครอง อาจไม่สามารถยืนยันได้ว่าโรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพ โรงเรียนต้องมีตัวชี้วัดและกระบวนการในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพอยู่แล้ว ในการถ่ายทอดวิชาความรู้ บ่อยครั้งที่เราพบว่า ครูที่จบในสาขาอื่นที่ไม่ใช่วุฒิการศึกษา กลับมีความรู้ความสามารถที่จะถ่ายทอดได้ดีกว่าครูที่จบวุฒิการศึกษา เช่น บางคนที่จบวิศวกรรมศาสตร์ ที่มีใจรักในการสอน มีความรู้ในวิชาฟิสิกส์อย่างลึกซึ้ง เคยมีประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับการบิน ย่อมสามารถถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียนได้เป็นอย่างดี บางครั้งยังทำได้ดีกว่าครูที่จบวุฒิการศึกษามาโดยตรงด้วยซ้ำ เปรียบเทียบกับครูที่จบปริญญาโท ปริญญาเอก แต่ตอกตะปูไม่เป็น คุยกับคนไม่รู้เรื่อง แล้วจะมาสอนเด็กให้เก่งได้อย่างไร” อาจารย์พิสุทธิ์ กล่าว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณปาริชาติ สุวรรณ์(ปุ้ม) ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์บริษัท คอร์ แอนด์ พีค จำกัด โทร.02-439-4600 ต่อ 8203 อีเมลล์ paricharts@corepeak.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ