กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
กนอ. มอบนโยบาย บริหารการจัดการน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรม ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน มุ่งการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ได้มอบนโยบายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินการในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย ในนิคมอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนโดยรอบนิคมฯ โดยได้กำหนดนิคมอุตสาหกรรมต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง (Central Waste Treatment) เพื่อรองรับน้ำเสียทีมีค่าตรวจวัดต่ำกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดจากทุกโรงงานเข้ามาบำบัด ทั้งนี้โรงงานอุตสาหกรรมจะต้องบำบัดน้ำเสียเบื้องต้นให้ได้ตามเกณฑ์คุณภาพน้ำที่ กนอ. กำหนดก่อนระบายเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง ทั้งนี้ กนอ. มอบหมายผู้ที่มีความรู้ความชำนาญมาดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้ระบบบำบัดน้ำเสียให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2539) เรื่องกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทั้งจากแหล่งกำเนิดประเภทโรงงานอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรม
โรงงานอุตสาหกรรมจะต้องมีการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำโดยติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ (On Lone Monitoring) เชื่อมโยงมายังศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมของนิคมอุตสาหกรรม หากมีเหตุฉุกเฉินที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และชุมชนโดยรอบนิคมฯ จะได้แจ้งให้ประชาชนได้รับทราบและเกิดความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และและจะต้องมีการตรวจติดตามโดยหน่วยงานกลาง (Third Party) ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมในการตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้งจากระบบฯ เป็นประจำต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่ระบายอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำสาธารณะ และสิ่งสำคัญในการสร้างการรับรู้และเข้าใจการดำเนินงานของนิคมฯ ในการดำเนินการบำบัดน้ำเสียจากโรงงาน ต่อชุมชนโดยรอบ กนอ. ยังเผยแพร่ข้อมูลของการตรวจวัดต่อชุมชนโดยรอบ และจัดทำรายงานสรุปผลการบำบัดน้ำเสียให้แก่หน่วยงานท้องถิ่นทราบทุกเดือน การเผยแพร่ข่อมูล ผลตรวจวัดบน Website กนอ. และรายงานสิ่งแวดล้อมประจำปี (SHEE Report) เป็นต้น
นอกจากนี้ กนอ. กำชับให้นิคมฯ มีการบริหารจัดการที่ดี หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน อาทิ ไฟฟ้าดับ ซึ่งจะต้องมีระบบไฟสำรอง เพื่อให้ระบบบำบัดน้ำงานอย่างต่อเนื่อง อันเป็นการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน และหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ทางศูนย์เฝ้าระวังต้องรู้ได้ทันท่วงที และต้องรีบแจ้งให้ชุมชนทราบโดยเร็ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของไทยให้เป็นอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยสร้างรายได้ให้กับประเทศ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนได้อย่างยั่งยืน นายวิฑูรย์ กล่าวสรุป