กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--IR PLUS
“บุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์” CEO มั่นใจผลประกอบการไตรมาส 2/57 ดีกว่าไตรมาส 1/57 หลังออเดอร์เพิ่มต่อเนื่อง ควบคู่การเดินหน้าธุรกิจน้ำ แจงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/57 รายได้อยู่ที่ 201.79 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 11.52 ล้านบาท รายได้เติบโตเล็กน้อย แต่ยังคงเป้ารายได้ปี 57 ตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ โดยรายได้หลักมาจากการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย พร้อมรุกการทำการตลาดเพิ่มขึ้น ในธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค
นายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) หรือ PHOL ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมครบวงจร รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2557 ว่าผลประกอบของบริษัทฯมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2557 เนื่องจากมียอดคำสั่งซื้อเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องในกลุ่มสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม โดยทั้งปียังคงแผนการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 15-30% จากปี 2556 ที่มีรายได้ 776 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2557 (มกราคม-มีนาคม) ของบริษัทฯ มีรายได้รวม 201.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2556 ที่มีรายได้รวม 197.16 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.35โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้ สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานให้กับกลุ่มลูกค้าหน่วยงานราชการและกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคอลเพิ่มมากขึ้น ขณะที่คำสั่งซื้อจากอุตสาหกรรมอื่นๆลดลง ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ขณะเดียวกันการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ในรูปแบบสัมปทานได้มีความคืบหน้าไปบ้างแล้ว สำหรับโครงการวางระบบน้ำประปาในส่วนภูมิภาคบนพื้นที่จังหวัดพะเยา มูลค่าการลงทุนราว 100 ล้านบาท โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2558 ตามแผน
“ไตรมาส 1 รายได้รวมเติบโตเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชะลอตัวลง แต่เรายังมั่นใจว่าทั้งปีรายได้จะเติบโตตามเป้าหมาย และสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากการจำหน่ายสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ส่วนธุรกิจด้านวางระบบและจัดจำหน่ายน้ำประปา เดินหน้าไปมาก เชื่อว่าปี 58 จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการในจังหวัดพะเยา” นายบุญชัยกล่าว
สำหรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ มาจากกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานประมาณร้อยละ 80 กลุ่มสินค้าและบริการด้านการควบคุมสภาพแวดล้อมประมาณร้อยละ 15 และกลุ่มสินค้าและบริการด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคประมาณร้อยละ 5 โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ในอนาคตจะปรับเปลี่ยนไปโดยรายได้หลักยังคงมาจากกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน แต่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริการด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคจะเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต