กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--IR network
ผู้ถือหุ้น บมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) ไฟเขียวแผนผลักดัน“ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง”ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เตรียมเพิ่มทุน 90.65 ล้านหุ้น ขายให้กับประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) 39 ล้านหุ้น พร้อมแจกผู้ถือหุ้นเดิม TPOLY ในสัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้น คิดเป็นจำนวน 50.39 ล้านหุ้น ในราคาไอพีโอ และรองรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กรรมการและพนักงานของทีพีซีและบริษัทย่อยของทีพีซี ภายใต้โครงการ ESOP Scheme จำนวน 1.2 ล้านหน่วย เตรียมนำเงินที่ได้ไปขยายธุรกิจ คาดเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้เต็มเหนี่ยว 100-120 เมกะวัตต์ภายในปี 2560 ดันรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้ากระฉูด 1.5-2 พันล้านบาท ด้านผู้บริหาร“ไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี”มั่นใจปีนี้ TPOLY โตอย่างก้าวกระโดด รายได้ทะลุเป้า 3,400 ล้านบาท
นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2557 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 อนุมัติแผนการนำบริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อระดมทุน โดยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) เพื่อนำเงินเพิ่มทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ
ทั้งนี้ การระดมทุนดังกล่าว ทีพีซี มีนโยบายที่จะเพิ่มทุนอีกจำนวน 90,650,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 39 ล้านหุ้น และเพื่อรองรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กรรมการและ/หรือพนักงานของทีพีซี และบริษัทย่อยของทีพีซี ภายใต้โครงการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการและ/หรือพนักงาน (ESOP Scheme) จำนวน 1.2 ล้านหน่วย ซึ่งจะเป็นผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในทีพีซีลดลงจาก 66.19% ของทุนจดทะเบียนของทีพีซี เหลือ 51.23% ของทุนจดทะเบียนของทีพีซี (คิดคำนวณจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปและเพื่อรองรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กรรมการและ/หรือพนักงานของทีพีซี และบริษัทย่อยของทีพีซี) และผู้ถือหุ้นของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการที่สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในทีพีซีลดลงด้วย
นายไชยณรงค์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นของบริษัทจากการที่สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในทีพีซีลดลง ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้ทีพีซีเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 50.39 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นบริษัท (Pre-emptive Right) หรือคิดเป็นสัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายเดียวกับการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปของทีพีซี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นของ TPOLY ลงทุนในทีพีซี
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2557 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 728.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 49.23 ล้านบาท หรือ 7.25% โดยมีผลกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 11.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.72 ล้านบาท หรือ 73.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในช่วงไตรมาส 1/2557 บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 43.23 ล้านบาท หรือ 7.25% แบ่งเป็นรายได้จากการก่อสร้าง 621.24 ล้านบาท ลดลง 19.71 ล้านบาท หรือ 3.06% รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 9.18 ล้านบาท หรือ 32.90% เนื่องจากสามารถโอนบ้านได้มากกว่าปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 50.06 ล้านบาท หรือ 665.69% เนื่องจากไตรมาส 1/2556 บริษัทเริ่มขายไฟฟ้าได้ในเดือนมีนาคม 2556 และในปี 2557 บริษัทสามารถรับรู้รายได้ครบทั้ง 3 เดือน และบริษัทก็มีรายได้จากการอุดหนุน (ค่า FT จากการไฟฟ้า) จำนวน 5.43 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 1/2557
“ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากวิสัยทัศน์ และแผนดำเนินธุรกิจที่วางไว้เมื่อ 3 ปีก่อน โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอน เพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ในส่วนของธุรกิจหลัก 3 ส่วนคือพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยตั้งเป้ารายได้รวมจากทุกธุรกิจ 3,400 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจก่อสร้าง 3,000 ล้านบาท พลังงาน 200 ล้านบาท และอสังหาริมทรัพย์ 200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 88% 6% และ 6% ตามลำดับ” นายไชยณรงค์ กล่าว
นายไชยณรงค์ กล่าวว่า คาดว่าการนำ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (TPCH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai น่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ โดยบริษัทมีแผนในการเพิ่มกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าให้ได้ 100 – 120 เมกะวัตต์ ภายในปี 2560 คาดการณ์รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าประมาณ 1,500 - 2,000 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ กล่าวอีกว่า การจัดตั้งบริษัทใหม่นี้ เราคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใส ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐที่กำหนดให้มีอัตราส่วนเพิ่ม (Adder) จากราคารับซื้อไฟฟ้าที่ 0.3 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง รวมทั้งเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ส่งเสริมและสร้างความเติบโตของรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัท และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งระยะยาวจะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิให้กับ TPOLY เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงตลอดไป