กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--เมืองไทยประกันชีวิต
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กระแสความนิยมของตลาดในปัจจุบัน ผู้บริโภคให้ความสนใจและใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะใส่ใจตรวจสุขภาพและตรวจค้นหาโรคร้ายแรง อย่างโรคมะเร็ง บริษัทฯ จึงได้ออกโครงการใหม่ คือ "โครงการยิ้มสบาย เมืองไทยให้คืน" ภายใต้คอนเซ็ปต์ประกันชีวิตที่รู้ใจคุณ ด้วยความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และโรคมะเร็ง ที่มาพร้อมผลประโยชน์ต่างๆ คือ รับผลประโยชน์รายวันกรณีเป็นผู้ป่วยในทั้งจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ นานสูงสุดถึง 365 วัน, รับผลประโยชน์รายวันเป็น 2 เท่า เมื่อรักษาตัวในห้องไอซียูหรือเข้ารับการผ่าตัดเนื่องจากอุบัติเหตุ นานสูงสุดกรณีละ 30 วัน ทั้งนี้ รวมผลประโยชน์รายวันทั้งหมดสูงสุด 365 วัน และหากไม่เคลมครบทุก 3 ปี รับเบี้ยประกันปีที่ 3 คืน ขณะที่เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียงวันละ 6 บาท (แผน 1 ความคุ้มครอง 50,000 บาท เพศหญิง อายุ 20ปี) (การพิจารณารับประกันเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด และ เงื่อนไขและข้อยกเว้นเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์)
นายสาระ กล่าวว่า "โครงการยิ้มสบาย เมืองไทยให้คืน" นับเป็นครั้งแรกของธุรกิจประกันกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้รวมผลประโยชน์เรื่อง Health & Cancer return cash มาไว้ในแพคเกจเดียวกัน และมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในวงกว้าง ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มคนวัยทำงาน ในช่วงอายุ 20-55 ปี ซึ่งมีความต้องการและพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อแบบประกันที่แตกต่างไปจากกลุ่มผู้สูงวัย นอกจากนี้ ยังนับเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนวัยทำงาน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและยังมีช่องว่างทางการตลาด ขณะที่เซ็กเมนต์ของกลุ่มนี้ในตลาดยังมีน้อย
โอกาสนี้ บริษัทฯ ได้เลือก คุณชาคริต แย้มนาม มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการบอกเล่าและถ่ายทอดผลประโยชน์ของ "โครงการ ยิ้มสบาย เมืองไทยให้คืน" เนื่องจากเป็นดาราและพิธีกรชายที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม รวมถึงมีภาพลักษณ์ที่ดีทั้งด้านการงานและชีวิตครอบครัว ทั้งยังเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นเรื่องการดูแลใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้ กำลังอยู่ในช่วงวัยของการสร้างครอบครัว ที่จะต้องเตรียมความพร้อมและมีการวางแผนชีวิตให้ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ซึ่งสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ “รู้ใจ” ของภาพยนตร์โฆษณา "โครงการยิ้มสบาย เมืองไทยให้คืน" ประกันชีวิตที่ดูแลครอบคลุม ทั่วถึง และมีหลากหลายผลประโยชน์โดนใจ ทั้งการคุ้มครองชีวิต โรคมะเร็ง รับเงินชดเชยเมื่อนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และที่สำคัญหากไม่เคลมครบทุก 3 ปีก็ยังได้รับเบี้ยประกันปีที่ 3 คืน
สำหรับแนวโน้มการเติบโตในปีนี้ นายสาระ กล่าวว่า บริษัทฯยังคงตั้งเป้าหมายเติบโตด้านเบี้ยประกันรับรวมที่ไม่น้อยกว่า 15% โดยได้กำหนดแผนการดำเนินงานหลักๆ ไว้ 2 แนวทาง คือ การเตรียมรองรับการขยายงานของตัวแทน ด้วยการสร้างศูนย์อบรมที่มีอยู่เดิมให้เป็นศูนย์อบรมแบบเบ็ดเสร็จเพื่อก้าวสู่การเป็น Training Academy และให้ครอบคลุมพื้นที่ในหลายๆ จังหวัด
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการให้บริการเพื่อเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้าน “Digital Insurer” ให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับพฤติกรรม และความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการรับการบริการด้วยความรวดเร็ว และสะดวกสบาย รวมถึงการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญให้สอดรับกับนโยบายของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ
โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้รับรางวัล Top fan on official account (Line application) ในงาน Thailand Zocial Award 2014 ซึ่งเป็นงานแจกรางวัลสำหรับคนออนไลน์จากทุกสาขาธุรกิจที่มีความสามารถในการนำ Social Network ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและได้รับผลตอบรับดีที่สุด โดยเมืองไทยประกันชีวิต เป็นบริษัทเดียวในอุตสาหกรรมประกันของประเทศที่ได้รับรางวัลดังกล่าว และมียอดสมาชิก LINE Official Account ถึงกว่า 15 ล้านคน
นายสาระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน เมืองไทยประกันชีวิตได้ใช้ช่องทางไลน์ในการติดต่อสื่อสารและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างการเข้าถึงพฤติกรรมลูกค้ายุคดิจิตอล และได้ออกสติกเกอร์ "น้องรักษ์ยิ้ม" ให้สมาชิกแอพพลิเคชั่นไลน์ร่วมดาวน์โหลดไปแล้วจำนวนทั้งสิ้นถึง 5 เซ็ต ตามกลยุทธ์การเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้บริการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการผสมผสานรูปแบบการให้บริการเข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอล ซึ่งไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี และยังคงเติบโตได้ดีในอนาคต เพราะสามารถตอบสนองความต้องการพูดคุยของผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้ครบถ้วน ทั้งข้อความอักษร ข้อความเสียง รูปภาพ คลิปวิดีโอสั้นๆ และสติกเกอร์แทนคำพูด
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณด้านศูนย์รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งนับเป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและสามารถ ด้านคุณภาพในการให้บริการ ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม โดยสามารถให้คำปรึกษา รวมถึงบรรเทาและเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ โดยผู้บริโภคมีความพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม “บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนงานขายและการบริการ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนและการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนับเป็นความท้าทายของบริษัทประกันชีวิต เพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ เออีซีในปี 2558” นายสาระ กล่าวทิ้งท้าย