กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--IR PLUS
บล. ฟินันซีย ไซรัส นำโดย “สมภพ กีระสุนทรพงษ์” ปลื้มหุ้นไอพีโอ TAE ถูกจองซื้อหมดเกลี้ยง เชื่อสาเหตุ หลักมาจากการที่นักลงทุนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ที่สำคัญราคาเสนอขายที่ 2 บาท เหมาะสมและดึงดูดนักลงทุน เพราะมีส่วนลดถึง 27.30% ด้าน “สมชาย โล่ห์วิสุทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TAE เชื่อยอดจองล้นมาจากนักลงทุนเข้าใจพื้นฐานบริษัทที่แข็งแกร่ง แถมอนาคตสดใส มั่นใจจะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TAE เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้จำนวนทั้งสิ้น 296,037,733 หุ้นแบ่งเป็นเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นของ LANNA (Pre-Emptive Right) จำนวนไม่เกิน 105,037,733 หุ้น เมื่อวันที่ 21-23 พฤษภาคม 2557 และเสนอขายให้แก่ประชาชนจำนวน 191,000,000 หุ้น ระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคาม 2557 ผลปรากฎว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างสูง โดยในส่วนของการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของ LANNA ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการปฏิวัติขึ้นในประเทศ ยอดจองซื้อยังเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย 15.46% ในขณะที่หุ้นที่เสนอขายให้ประชาชนขายหมดเกลี้ยง
“ก่อนอื่นต้องต้องขอบคุณนักลงทุนท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในหุ้น TAE ถึงแม้ว่าสภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองบ้างในช่วงนี้ แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ TAE ประกอบกับศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในอนาคต ประกอบกับการที่ผลประกอบการ Q1/57 ของบริษัทมีการเติบโตที่โดดเด่นทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีกำไรสุทธิ 102.20 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2556 ทั้งปี บริษัทมีกำไรสุทธิ 117.68 ล้านบาท จะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี อีกประการที่สำคัญ คือ การกำหนดราคาเสนอขายที่ 2 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยให้ส่วนลดกับนักลงทุนถึง 27.30% ดังนั้นเชื่อว่าเมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรกในวันที่ 5 มิถุนายน หุ้น TAE จะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุน”
ด้านนายสมชาย โล่ห์วิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่นักลงทุนจองซื้อหุ้น TAE เข้ามาอย่างล้นหลาม แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเข้าใจและเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัท เพราะนอกจาก TAE จะเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตและจำหน่ายเอทานอลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสามารถผลิตเอทานอลที่มีคุณภาพสูงและได้รับการยอมรับจากผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศ ประกอบกับมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากแรงสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ของภาครัฐ สิ่งสำคัญ คือ การระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้ยิ่งจะช่วยทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการผลิต และต้นทุนทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญโดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซชีวภาพสำหรับใช้ภายในโรงงานผลิตเอทานอลของบริษัทจำนวน 120 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจำนวน 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
“ในนามของ TAE ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนที่เข้ามาจองซื้อหุ้น TAE ในครั้งนี้ การที่มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นของบริษัทเป็นอย่างมากนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท และเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทรวมทั้งเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต ภายหลังการระดมทุนและการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ TAE มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังทำให้บริษัทมีช่องทางหรือทางเลือกในการระดมทุนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อการขยายธุรกิจของ TAE ในอนาคตอีกด้วย”
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2557 บริษัทฯ มีรายได้รวม 631.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 406.60 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตถึงร้อยละ 55.34 ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 102.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่สูงถึงร้อยละ 150.79 คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 16.18 เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 10.02 ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตถึงร้อยละ80 ของกำลังการผลิตรวม จากปี 2556 ที่การใช้กำลังการผลิตเพียงร้อยละ 55.58 ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ