กรุงเทพ--5 ส.ค.--กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอนแก่น ตรวจสอบคุณภาพถุงยางอนามัยในเขตภาคอีสาน พบถุงยางอนามัยที่รัฐแจกฟรีมีคุณภาพได้มาตรฐาน พร้อมแนะการเก็บรักษาที่ถูกวิธี เพื่อให้คงประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันโรคติดต่อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์
นายแพทย์มงคล ณ สงขลา อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายควบคุมและป้องกันโรคเอดส์ หรือโรคติดต่อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยให้ความรู้ด้านต่างๆ ที่จำเป็นแก่ประชาชนนั้นการใช้ถุงยางอนามัยนับเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญในการควบคุมป้องกันโรค รวมทั้งยังเป็นการคุมกำเนิดที่นับว่าได้ผลอย่างสูงสุด แต่ทั้งนี้การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อจุดประสงค์อื่นหรือถุงยางอนามัยที่มีลักษณะแตกต่างออกไป เช่น ถุงอนามัยที่มีผิวบางมากเกินไปอาจมีผลกระทบด้านคุณภาพระหว่างการเก็บสต็อกก่อนถึงมือผู้ใช้ได้ ถ้าผู้ใช้หรือผู้เก็บรักษาไม่รู้จักการเก็บอย่างถูกวิธี ซึ่งจะส่งผลให้การป้องกันโรคเอดส์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้ผลเท่าที่ควร
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ติดตามศึกษาถึงประสิทธิภาพและคุณภาพของถุงยางอนามัยมาโดยตลอดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยมอบหมายให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกแห่ง สำรวจและเก็บข้อมูลในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศสำหรับในปี 2540 นี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอนแก่น ร่วมกับ สำนักงานควบคุมโรคติดต่อเขต 6 โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานสาธารณสุขเขต 6 ได้ทำการเก็บและตรวจสอบคุณภาพตัวอย่างถุงยางอนามัยที่แจกฟรีจากสต็อกของสถานบริการภาครัฐในเขตรับผิดชอบจำนวน 56 ตัวอย่างพบว่าไม่ได้มาตรฐาน 1 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 1.8 ซึ่งจากการตรวจตัวอย่างอื่นชนิดเดียวกันและรุ่นผลิตเดียวกันนี้พบว่าคุณภาพได้มาตรฐาน จึงอาจกล่าวได้ว่าผลของการตรวจสอบตัวอย่างที่ไม่ได้มาตรฐานนี้น่าจะมาจากขั้นในการเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้อง เช่น เก็บถุงยางอนามัยไว้ใก้ลบริเวณที่มีความร้อนมากเกินไปหรือถูกแสงแดด จะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพได้ นอกจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอนแก่น จะได้ตรวจสอบถุงยางอนามัยที่แจกฟรีโดยภาครัฐแล้ว ในขณะนี้ยังได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบถุงยางอนามัยที่ผลิตและจำหน่ายโดยภาคเอกชนอีกด้วย ซึ่งจะสามารถทราบผลสรุปได้ภายในระยะเวลาอันใก้ลนี้
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวในตอนท้ายว่า ถุงยางอนามัยที่แจกฟรีโดยภาครัฐ แม้ไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้บริการโดยทั่วไป เนื่องจากเชื่อว่ามีความหนามากและยืดหยุ่นน้อย แต่เมื่อศึกษาในด้านคุณภาพแล้วพบว่ามีคุณภาพได้มาตรฐานสามารถป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ดี ดังนั้นผู้ใช้ถุงยางอนามัยจึงไม่ควรเลือกใช้โดยมุ่งเน้นด้านรสนิยมทางเพศเพียงอย่างเดียว ควรคำนึงประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อเพศสัมพันธ์ด้วย--จบ--