กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง
สมาคมการค้ายาสูบไทยตระหนักดีว่าทางกระทรวงการคลัง นำโดยนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เตรียมนำเสนอแผนโรดแมปกระตุ้นเศรษฐกิจต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ทางสมาคมฯ ขอความกรุณาให้กระทรวงฯ ช่วยพิจารณาความต้องการของภาคการค้าปลีก ซึ่งรวมไปถึงร้านค้าปลีกและร้านโชว์ห่วยขนาดเล็ก ในการร่างแผนงานดังกล่าว โดยร้านค้าปลีกจำนวนมากได้รับแรงกดดันและปัญหาจากภาวะทางเศรษฐกิจ จึงต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน
ทางสมาคมการค้ายาสูบไทยได้มีการเรียกร้องให้กระทรวงการคลังตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิรูปภาษีสรรพสามิต ตามที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้นำเสนอไปเมื่อเร็วๆ นี้ การปฏิรูปดังกล่าวจะช่วยลดการเติบโตของผลิตภัณฑ์บุหรี่นำเข้าราคาต่ำ และการแข่งขันของบุหรี่ปลอมรวมทั้งบุหรี่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยังได้ระบุด้วยว่าโครงสร้างภาษีสรรพสามิตไทยนั้นมีความซับซ้อนยุ่งยากและไม่โปร่งใส
นายกิตติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานคณะกรรมการด้านภาษีของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยังได้กล่าวถึงความจำเป็นที่ประเทศไทยควรปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเสียใหม่ เนื่องจากระบบจัดเก็บภาษีที่ใช้ในปัจจุบันมีปัญหาหลัก 3 ประการ ได้แก่ การเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า ระบบมีความซับซ้อนยุ่งยาก และไม่รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะมาถึงและจะก่อให้เกิดการแข่งขันทางการค้ามากยิ่งขึ้น
นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า “สมาคมการค้ายาสูบไทยเชื่อว่าการปฏิรูปการจัดเก็บภาษียาสูบมีความสอดคล้องกับการปฏิรูปทางเศรษฐกิจของประเทศ และนี่ถือเป็นทางออกที่ดีต่อทุกฝ่าย สมาคมฯ เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในการดำเนินงานปฏิรูปภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะช่วยให้ระบบการจัดเก็บภาษีของประเทศมีความโปร่งใส ยุติธรรม และง่ายขึ้น ณ ขณะนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับกระทรวงการคลังในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีและสร้างรายได้ให้แก่รัฐเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อประเทศในท้ายที่สุด”
ตั้งแต่มีการขึ้นภาษีสรรพสามิตครั้งล่าสุด ร้านค้าปลีกทั่วประเทศกว่า 480,000 ที่ได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบต้องเผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมไปถึงการเติบโตของผลิตภัณฑ์ยาสูบราคาถูกและบุหรี่ผิดกฎหมาย โดยบุหรี่ถือเป็นหนึ่งใน 10 สินค้าหลักที่สร้างรายได้ให้แก่ร้านค้าปลีกมากที่สุด บุหรี่ราคาถูกและบุหรี่ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมายส่งผลกระทบต่อร้านค้าทั่วประเทศ รวมทั้งยังสร้างความสูญเสียแก่รายได้ของทั้งร้านค้าปลีกเองและรายได้ของประเทศโดยรวม
“จากข้อเสนอในการขึ้นภาษียาสูบ ทางสมาคมการค้ายาสูบไทยต้องการชี้ให้เห็นว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีแต่จะส่งผลให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นไปอีก เห็นได้ชัดว่า การขึ้นภาษีครั้งล่าสุดที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่แต่อย่างใด ดังเห็นได้จากอัตราการบริโภคบุหรี่ที่ไม่ได้ลดลง เพียงแต่บรรดานักสูบหันไปบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีราคาต่ำกว่าเพียงเท่านั้น เช่น บุหรี่มวนเอง บุหรี่ราคาถูก หรือบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอม พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเป็นมูลค่าถึงกว่า 4,800 ล้านบาทเมื่อดูถึงช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา” นางวราภรณ์ กล่าวเสริม
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังได้ประมาณการจำนวนบุหรี่ผิดกฎหมายที่วางขายอยู่ทั่วประเทศเป็นจำนวนกว่า 180 ล้านซอง ซึ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้กว่า 5,000 ล้านบาทจากที่ควรจะเป็น โดยนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวไว้ว่า ในรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณ 2557 สามารถจับผู้กระทำผิดในคดีที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบสินค้าเถื่อนได้รวม 2.51 หมื่นคดี รวมทั้งยังยอมรับว่าการขึ้นภาษีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขการลักลอบเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
ในปัจจุบัน ภาษียาสูบคิดเป็นประมาณร้อยละ 70 จากราคาขายบุหรี่ต่อซอง ซึ่งเป็นสัดส่วนภาษีสรรพสามิตมากที่สุด โดยคิดเป็นประมาณร้อยละ 60 ซึ่งผลิตภัณฑ์บุหรี่มีการเก็บภาษีถึง 5 ประเภท