กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--กรมประมง
กรมประมง ประกาศปิดอ่าวไทยตอนใน หรือ อ่าวไทยรูปตัว ก ครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 4,940.55 ตารางกิโลเมตร มีระยะเวลาปิดอ่าวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม ของทุกปี โดยประกาศดังกล่าว มีผลบังคับ 3 ปี
นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ในอดีตอ่าวไทยตอนใน หรือ อ่าวไทยรูปตัว ก เป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรประมงอุดมสมบูรณ์มาก เนื่องจากมีแม่น้ำ 5 สาย ได้แก่ แม่น้ำบางปะกง เจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง และเพชรบุรี ไหลลงสู่อ่าวไทยรูปตัว ก โดยแม่น้ำเหล่านี้จะพัดพาสารอาหารลงสู่อ่าวไทย อีกทั้งบริเวณอ่าวไทยรูปตัวก ยังมีป่าชายเลนที่เป็นแหล่งวางไข่ และแหล่งเลี้ยงตัวของสัตว์น้ำหลายชนิด โดยเฉพาะปลาทู ซึ่งเป็นทรัพยากรสัตว์น้ำที่มีคุณค่าและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ปัจจุบันนี้ กลับพบว่าในบริเวณดังกล่าว มีการทำประมงกันอยู่อย่างหนาแน่น เครื่องมือประมงที่ใช้มีหลายประเภท ทั้งเครื่องมือประมงขนาดใหญ่และเครื่องมือประมงพื้นบ้าน อีกทั้ง มีการพัฒนาและดัดแปลงเครื่องมือทำการประมงบางประเภทให้มีประสิทธิภาพในการจับพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำ และสัตว์น้ำวัยอ่อนจำนวนมาก จนธรรมชาติไม่สามารถทดแทนได้ทัน (over fishing) ส่งผลให้ประชากรสัตว์น้ำลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ทำให้กลุ่มชาวประมงในพื้นที่มีความห่วงใยในสภาวะความเสื่อมโทรมของทรัพยากรจึงได้นำเสนอแนวคิดการอนุรักษ์ทรัพยากรประมงในพื้นที่อ่าวไทยรูปตัว ก เสนอต่อกรมประมง เพื่อให้รวบรวมข้อมูลข้อสรุปทางวิชาการทั้งด้านชีววิทยาของสัตว์น้ำ แนวทางการบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืนและการออกมาตรการ โดยได้จัดประชุมเพื่อชี้แจง และรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้-ส่วนเสียในทุกพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง มากกว่า 35 ครั้ง เพื่อทำความเข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็น พื้นที่ ระยะเวลา และเครื่องมือที่จะถูกห้ามทำการประมง จนกระทั่งในการประชุมเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2556 จึงมีมติให้มีการปิดอ่าวตัว ก เพื่อแก้ไขปัญหา และป้องกันมิให้พ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำ และสัตว์น้ำวัยอ่อนถูกจับมากเกินควร และเพื่อให้สัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์ สามารถใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนถาวรตลอดไป
และเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2556 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32(1) (2) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 ออกประกาศกระทรวงฯ เรื่อง ห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิด ในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี ในระยะเวลาที่กำหนด 2 เดือน ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม ของทุกปี โดยมีผลบังคับใช้ 3 ปี
สำหรับเครื่องมือทำการประมงต้องห้ามตามประกาศฉบับนี้ ได้แก่
(1) เครื่องมืออวนล้อมจับที่ใช้ประกอบกับเรือกล
(2) เครื่องมืออวนลากที่ใช้ประกอบกับเรือกล
(3) เครื่องมืออวนรุนที่ใช้ประกอบกับเรือกล
(4) เครื่องมืออวนครอบ อวนช้อนหรืออวนยก ที่ใช้ประกอบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทำการประมงปลากะตัก
(5) เครื่องมืออวนติดตาที่ใช้ประกอบเรือกล ล้อมติดปลาทู
(6) เครื่องมืออวนติดตาปลาทูที่ใช้ประกอบกับเรือกล
ส่วนเครื่องมือทำการประมงที่ยกเว้นตามประกาศฉบับนี้ ได้แก่
(1) เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ ที่ใช้ประกอบกับเรือกลลำเดียวความยาวเรือไม่เกิน 14 เมตร ทำการประมงได้เฉพาะในเวลากลางคืน (เวลาระหว่างพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น)
(2) เครื่องมืออวนรุน ที่ใช้ประกอบกับเรือกลความยาวเรือไม่เกิน 14 เมตร ทำการประมงในเวลากลางคืน (เวลาระหว่างพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น)
(3) เครื่องมืออวนรุนเคย ที่ใช้เนื้ออวนไนลอนชนิดไม่มีปมหรืออวนมุ้งพลาสติก ขนาดช่องตา 1.5 มิลลิเมตร หรือ อวนไนลอนสีแดง (ด้าย 3)
(4) เครื่องมืออวนติดตาปลาทู ที่มีขนาดช่องตาไม่ต่ำกว่า 3.8 เซนติเมตร ความยาวอวนไม่เกิน 2,000 เมตร ที่ใช้กับเรือกลความยาวเรือไม่เกิน 10 เมตร
(5) เครื่องมืออื่นๆ ที่ไม่ระบุห้ามตามประกาศนี้และประกาสอื่นๆ รวมทั้งการทำประมงเพื่อการศึกษา วิจัย หรือทดลองทางวิชาการซึ่งกระทำโดยทางราชการและได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมประมง
อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า กรมประมงหวังว่าการประกาศใช้มาตรการปิดอ่าวตัว ก จะส่งผลให้สัตว์น้ำขนาดเล็กสามารถเจริญเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์ ส่งผลให้มีมูลค่ากลับคืนสู่ชาวประมงเพิ่มขึ้น จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องชาวประมงทุกท่านโปรดปฏิบัติตามกฎระเบียบ และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย ทั้งนี้ มิใช่เพื่อประโยชน์ของคนหนึ่งคนใด แต่เป็นประโยชน์ของพวกเราและลูกหลานของเราทุกคนที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างยั่งยืนตลอดไป