กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--IR network
บมจ.ช.ทวี ดอลลาเซียน (CHO) มั่นใจรายได้ปีนี้พุ่งแตะ 1.2 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังตุนงานในมือ (Backlog) กว่า 1.2 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ 80% ด้านหัวเรือใหญ่ “สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย” เผยกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เน้นขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ลุ้นคสช.อนุมัติเปิดขายซองประมูลรถเมล์ NGV เร็วๆนี้
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช. ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน) (CHO) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันมีงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) ทั้งในและต่างประเทศอยู่ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 80% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีหน้า
"มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโต 15% ตามเป้า เนื่องจากบริษัทยังคงได้รับงานใหม่จากทั้งใน และต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ และเดินหน้าสร้างผลงานให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป" นายสุรเดช กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง CHO ยังคงมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ที่มีความต้องการการใช้รถลำเลียงอาหารสำหรับครัวสายการบินอยู่จำนวนมาก ส่วนงานในประเทศ บริษัทได้วางกลยุทธ์โดยการเน้นการผลิตและบริการอะไหล่ซ่อมบำรุง ไปยังกลุ่มลูกค้าธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ ธุรกิจเครื่องดื่ม ที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน
“ไม่ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะเป็นอย่างไร แต่อาหารถือเป็นปัจจัย 4 ที่มีความสำคัญที่สุดต่อการดำเนินชีวิต ดังนั้น ธุรกิจการขนส่งอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค ที่มีความจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันจะสามารถเติบโตไปได้อีก ประกอบกับลูกค้ากลุ่มนี้มีความจำเป็นที่ต้องกระจายสินค้าไปตามภูมิภาคทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลดีต่อรายได้รวมของบริษัท ทำให้มีการเติบโตต่อเนื่องด้วยเช่นกัน”นายสุรเดช กล่าว
ส่วนด้านความคืบหน้างานโครงการรถประจำทางที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติอัดแรงดันสูง (NGV) ในการขับเคลื่อน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จำนวน 3,183 คัน ที่บริษัทจะร่วมเข้าประมูลด้วยนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นแผนการลงทุนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากโครงการเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเตรียมพร้อมรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดขายซองประมูลได้ใน เร็วๆ นี้
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2557 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 195 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 121% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มีผลกําไรสุทธิอยู่ที่ 34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,504% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากบริษัทมียอดขายตามสัญญาผลิตในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยอดขายในประเทศก็เพิ่มขึ้นจากฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่