กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า ตลอดจนกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่าโรงงานและคลังสินค้า อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนจำนวนมากในช่วงระหว่างปี 2556-2558 ความไม่สงบทางการเมืองที่ส่งผลต่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโรงงานสำเร็จรูป และคลังสินค้าให้เช่าได้ต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มอัตราการเช่าและสามารถบริหารระดับหนี้สินให้เหมาะสมแม้ในช่วงที่มีการขยายการลงทุน
บริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่นเป็นผู้นำในธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในประเทศไทย โดยก่อตั้งในปี 2533 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2545 บริษัทได้ขยายธุรกิจสู่การให้บริการคลังสินค้าให้เช่าตั้งแต่ปี 2548 โดย ณ เดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีโรงงานให้เช่าจำนวน 78 แห่งและมีคลังสินค้าให้เช่าจำนวน 38 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม และพื้นที่โลจิสติกส์หลักของประเทศ รวมเป็นพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 391,796 ตารางเมตร (ตร.ม.)
ณ เดือนมีนาคม 2557 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทยังคงเป็น บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (20.5%) กลุ่มซิตี้เรียลตี้ (7.1%) และกลุ่มผู้บริหารของบริษัท (6.7%) ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากผลงานการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปที่มีคุณภาพ รวมทั้งความสามารถในการก่อสร้างโรงงานสำเร็จรูปตามมาตรฐานในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งจากการใช้ทีมงานก่อสร้างของบริษัทเอง ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานสำเร็จรูปให้เช่ากระจายตัวอยู่ในทำเลต่าง ๆ 15 ทำเลและมีคลังสินค้าให้เช่าอีก 29 ทำเล รายงานของ CB Richard Ellis (CBRE) ระบุว่าบริษัทยังคงเป็นผู้นำในธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่าในประเทศไทย ณ เดือนธันวาคม 2556 บริษัทและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในเครือมีส่วนแบ่งทางการตลาดของพื้นที่โรงงานให้เช่ารวม 52% ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นเป็นอย่างมาก โดยคู่แข่งสำคัญประกอบด้วย บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (25%) บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (9%) นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นหนึ่งในสองของผู้ให้บริการคลังสินค้าให้เช่ารายใหญ่ของประเทศไทย พื้นที่คลังสินค้าให้เช่าของบริษัทและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็น 51% ของพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าของทั้งประเทศ
ในปี 2556 และไตรมาสแรกของปี 2557 พิ้นที่ให้เช่าของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อย พื้นที่ให้เช่าของบริษัท (ไม่นับรวมผลกระทบจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวม) เพิ่มขึ้น 134,860 ตร.ม. ในปี 2556 และ 43,283 ตร.ม. ในไตรมาสแรกของปี 2557 เทียบกับการเพิ่มขึ้น 60,000 ตร.ม. - 100,000 ตร.ม. ในปี 2553-2554 พื้นที่โรงงานให้เช่าที่เพิ่มขึ้นมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเขตภาคตะวันออก ในขณะที่ความต้องการในเขตที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม (จังหวัดอยุธยาและปทุมธานี) ยังไม่ฟื้นตัว สำหรับธุรกิจคลังสินค้าให้เช่า พื้นที่คลังสินค้าให้เช่าของบริษัทเพิ่มขึ้น 78,860 ตร.ม. ในปี 2556 และ 20,743 ตร.ม. ในไตรมาสแรกของปี 2557 เทียบกับการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 160,000 ตร.ม. ในปี 2554-2555 ทั้งนี้ในปี 2556 และไตรมาสแรกของปี 2557 บริษัทประสบความสำเร็จในการขายโรงงานและคลังสินค้าเข้ากองทุน โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวม 310,695 ตร.ม. มูลค่า 6,159 ล้านบาท
รายได้ค่าเช่าของบริษัทในปี 2556 เพิ่มขึ้น 5% เป็น 1,110 ล้านบาทจาก 1,053 ล้านบาทในปี 2555 สำหรับไตรมาสแรกของปี 2557 รายได้ค่าเช่าอยู่ที่ระดับ 202 ล้านบาท ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ค่าเช่าที่ลดลง เนื่องจากบริษัทขายสินทรัพย์เข้ากองทุนจำนวนมากในช่วงเดือนธันวาคม 2556 ทั้งนี้ รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมเท่ากับ 4,663 ล้านบาทในปี 2556 และ 498 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2557
อัตรากำไรขั้นต้นของค่าเช่าปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 76% ในปี 2556 และ 75% ในไตรมาสแรกของปี 2557 หากไม่รวมผลกระทบจากการเปลี่ยนนโยบายบัญชีเรื่องค่าเสื่อมราคา อัตรากำไรขั้นต้นของค่าเช่าเท่ากับ 68% ในปี 2556 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่ากับ 72% ในไตรมาสแรกของปี 2557 ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนน้ำท่วมในปี 2553-2554
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากบริษัทมีการลงทุนสร้างโรงงานและคลังสินค้าในทำเลอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในเขตภาคตะวันออกและจังหวัดใหญ่ ๆ การขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้อัตราการเช่าไม่รวมพื้นที่เช่าล่วงหน้า (Pre-leased area) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 ปรับตัวลดลงเป็น 52% เปรียบเทียบกับ 73% ณ สิ้นปี 2555 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราการเช่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น จากความต้องการพื้นที่เช่าคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้น ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีพื้นที่เช่าล่วงหน้า (Pre-leased area) เท่ากับ 181,212 ตร.ม. ซึ่งจะทยอยเข้ามาใช้พื้นที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2557
อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 65.5% ณ เดือนมีนาคม 2557 จาก 57.3% ในปี 2555 จากการลงทุนในทำเลใหม่ บริษัทมีแผนลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาทในปี 2557-2558 อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความสามารถจัดหาเงินลงทุนได้จากหลายแหล่ง ทั้งจากการเพิ่มทุนและการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ในปี 2557 บริษัทคาดว่าจะขายสินทรัพย์มูลค่าประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาทเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) รวมทั้งการเพิ่มทุนโดยการออกใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSRs) ประมาณ 2,700 ล้านบาทในช่วงกลางปีนี้
สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำการรัฐประหารภายหลังจากประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึกใน 2 วันก่อนหน้า ในมุมมองของทริสเรทติ้งคาดว่าการประกาศกฎอัยการศึกและรัฐประหารจะส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและธุรกิจท่องเที่ยวอย่างน้อยในระยะสั้น อย่างไรก็ตามในระยะยาวผลจากการรัฐประหารต่อเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับนโยบายที่ดำเนินการโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และความสำเร็จในการปฏิรูปการเมืองและสังคมโดย คสช. หากนโยบายดังกล่าวสามารถยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมายาวนานได้ เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ คสช. ได้ประกาศแผนปฏิรูปทางการเมืองเพื่อให้เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย และแผนปฏิรูปทางเศรษฐกิจที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ และแผนดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนและประชาชนทั่วไป
บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TICON155A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
TICON158A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
TICON162A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
TICON165A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 650 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
TICON165B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
TICON169A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
TICON171A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
TICON171B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
TICON177A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
TICON178A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A
TICON185A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
TICON187A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
TICON189A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
TICON19OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 620 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
TICON191A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A
TICON205A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
TICON229A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable