กรุงเทพ--4 ธ.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
องค์การเภสัชฯ โชว์ผลงานผลิตยาต้านไวรัสเอดส์และยาสมุนไพรช่วยเศรษฐกิจชาติ รัฐมนตรีสาธารณสุขมอบนโยบายสนับสนุนการศึกษาวิจัยสมุนไพรไทย แนะหากยาสมุนไพรได้รับความนิยมแพร่หลาย จะเกิดพืชเศรษฐกิจหลายชนิดสามารถสร้างรายได้ให้คนไทยและช่วยดึงเงินเข้าประเทศในอนาคต
นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมองค์การเภสัชกรรม ว่า บทบาทขององค์การเภสัชกรรมนอกเหนือจากงานด้านการผลิตยาแผนปัจจุบันสนองความต้องการใช้ยาของประเทศแล้ว บทบาทที่เพิ่มความสำคัญมากขึ้น คือ การพัฒนาสมุนไพรเพื่อใช้เป็นยา ซึ่งทางองค์การฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี จนกระทั่งในขณะนี้ยาจากสมุนไพรหลายชนิดขององค์การฯ เป็นที่นิยมมากขึ้น ประโยชน์ที่ตามมาก็คือ สมุนไพรชนิดใดที่ประชาชนนิยมใช้อย่างแพร่หลาย ก็จะทำให้พืชสมุนไพรชนิดนั้นกลายเป็นพืชเศรษฐกิจได้ ซึ่งเหมาะสมกับภาวะการณ์ในปัจจุบัน ที่เศรษฐกิจถดถอย คนตกงาน กลับไปอยู่ในชนบทมากขึ้น ในอนาคต การปลูกพืชสมุนไพร อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยให้คนไทยมีอาชีพที่มั่นคงและมีรายได้เพียงพอเลี้ยงครอบครัว
ผลงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นหนึ่งขององค์การเภสัชกรรม คือ การผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ หรือ AZT ได้เองแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ และได้ผลิตจำหน่ายมาประมาณ 1 ปี แล้ว ช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากยา AZT ขององค์การฯ มีราคาถูกกว่ายาจากต่างประเทศถึงเม็ดละกว่า 15 บาท โดยยาองค์การฯ จำหน่ายในราคาเม็ดละประมาณ 9 บาท ในขณะที่ยาจากต่างประเทศมีราคาสูงถึงเม็ดละ 25-30 บาท และได้ตรวจสอบแล้วพบว่าประสิทธิภาพของยาเท่าเทียมกัน
ทางด้านนายแพทย์กฤษฎามนูญวงค์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ยาสมุนไพรที่องค์การ ผลิตออกจำหน่ายมี 12 รายการ คือ คือ แคปซูลกระเทียมสะกัด, แคปซูลขมิ้นชัน, ยาเม็ดมะขามแขก และยาชงมะขามแขก, ยาอมแก้ไอมะแว้ง, ครีมไพลีจีซาล, เจลว่านหางจระเข้, ครีมพญายอ, แคปซูลฟ้าทะลายโจร, น้ำมันตะไคร้หอมกันยุง, ผลิตภัณฑ์จากเห็ดหลินจือชนิดเม็ด น้ำ ชาชง และชิ้นต้มน้ำ, เจลพลูจีนอล และน้ำยาบ้วนปากกวาว่า ยาจากสมุนไพรที่องค์การฯ ผลิตและได้จดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว ได้แก่ ว่านหางจระเข้ รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เห็ดหลินจือเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ขี้เหล็กเป็นยารวมประสาท และกล้วยเป็นยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร
สำหรับการวิจัยยารักษาโรคเอดส์นั้น ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การฯ ได้ทำการศึกษาทั้งยาฆ่าเชื้อ HIV เช่นยา AZT, ddt และยารักษาอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยเอดส์ ยาที่ได้ทำการทดลองและพบว่าได้ผลดีมาก ทั้งยังไม่มีผลข้างเคียงของยาเมื่อเทียบกับยาแผนปัจจุบัน ได้แก่ เจลพลูจีนอล ใช้ทารักษาอาการคันตามตัว เรื้อรัง ได้ดีเท่า ๆ กับ Steroid cream อีกตัวหนึ่งคือ ใบฝรั่งที่สะกัดทำเป็นน้ำยาบ้วนปากหรือที่เรียกว่า กวาว่าสามารถฆ่าเชื้อโรคได้หลายชนิด ช่วยลดอาการแผลในปากซึ่งเป็นอาการที่สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ผู้ติดเชื้อเอดส์มาก เนื่องจากอาการแผลในปากทำให้รับประทานอาหารไม่ได้นำไปสู่อาการอื่นตามมา และยังผลิตในรูปยาแคปซูลแก้ท้องเสียในผู้ป่วยโรคเอดส์ และยังมียาอีกหลายชนิดที่กำลังทำการศึกษาวิจัยอยู่--จบ--