กรุงเทพ--28 ก.ค.--สยช.
เช้าวันนี้ (จันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2540) เวลา 10.00 น. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายลิขิต เทอดสถีรศักดิ์) ได้เป็นประธานในพิธีเปิดประชุมปฏิบัติการผู้ทำงานเยาวชน : การปฏิบัติการกับกลุ่มและศูนย์เยาวชน (Workshop on Training for Youth Workers : Working with Youth Group Center) ณ โรงแรมเมอร์เคียว กรุงเทพฯ ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานเยาวชนในกลุ่มอินโดจีนและประเทศใกล้เคียง ประเทศละ 5 คน ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม เมียนมาร์ จีน และไทย รวมทั้งสิ้นประมาณ 30 คน จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ
นางอุไรวรรณ พิชิตกุล เลขาธิการคระกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ ได้กล่าวรายงาน พอสรุปได้ว่า ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ได้เน้นการพัฒนาคน เป็นเป้าหมายหลัก และเยาวชนเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าเป็นกลุ่มที่มีพลังสำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศในอนาคต และในแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และแนวทางหนึ่งของการพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้ได้มีโอกาสฝึกฝนภาวะผู้นำการทำงานเป็นกลุ่ม เรียนรู้การบริหารกลุ่ม และทำประโยชน์ต่อชุมชนด้วยจิตใจที่เป็นอาสาสมัคร ตลอดจนรู้จักแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงานคือ การจัดสร้างกลุ่ม/ศูนย์เยาวชน และกลไกหนึ่งที่สำคัญในการจัดสร้างกลุ่ม/ศูนย์เยาวชนให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ก็คือ ผู้ที่ปฏิบัติงานด้านเด็กและเยาวชน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานกลางระดับชาติที่รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน จึงได้ร่วมกับสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดให้มีการประชุมนี้ขึ้นเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการทำงาน ตลอดจนส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม - 5 สิงหาคม 2540 ณ โรงแรมเมอร์เคียว กรุงเทพฯ และโรงแรมเอ-วัน เดอะรอยัลครูสท์ ชลบุรี หลักสูตรประกอบด้วย การบรรยาย การอภิปรายการประชุมกลุ่มย่อยและการทัศนศึกษา
การประชุมในครั้งนี้ สำนักงานฯ ได้รับความร่วมมือด้วยดีจากหลายหน่วยงาน ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ และกรมสารสนเทศ สถานเอกอัครราชฑูตไทยในประเทศกัมพูชา และสถานเอกอัครราชฑูตไทยในประเทศเวียดนาม สถานเอกอัครราชฑูตไทยในประเทศพม่า สำนักส่งเสริมและฝึกอบรมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม สำนักเลขาธิการพระราชวังฯ
ประธานในพิธีได้กล่าวปราศัย พอสรุปได้ว่า ประเทศไทยมีความพยายามอย่างมากที่จะพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยจะเห็นได้จากการลงนามรับรองปฏิญญาระดับโลกว่าด้วยความอยู่รอด การปกป้องและพัฒนาเด็ก (World Declartion on The Survival, Protection and Development of Children) และแผนปฏิบัติการเพื่อการอนุวัติปฏิญญาระดับโลกฯ ดังกล่าว สำหรับทศวรรษ 1990 (Plan of Development of Liplementing The World Declaration on The Survival, Protection and Deveopment of Children in the 1990s) เมื่อปี 2534 พร้อมทั้งได้จัดทำปฏิญญาเพื่อเด็ก (National Declaration on Children) และแผนปฏิบบัติการหลักของปฏิญญาเพื่อเด็กไทย โดยกำหนดเป้าหมายและหน่วยงานรับผิดชอบ ดำเนินการพัฒนาเด็กไทยในระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2535-2544) ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2534 ต่อมาในปี 2535 ประเทศไทยได้ลงนามเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และได้จัดทำรายงานเสนอต่อสหประชาชาติเรียบร้อยแล้ว
ในระดับภูมิภาคไทยยังได้ร่วมมือกับประเทศต่างๆ เพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนอีกมากมาย อาทิ การจัดประชุมปฏิบัติการเรื่องความร่วมมือระดับภูมิภาคในพื้นที่กลุ่มแม่น้ำโขงเกี่ยวกับการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิเด็ก ว่าด้วยสิทธิเด็กและหลักเกณฑ์ระหว่างประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเด็กและการค้าเด็กเพื่อส่งเสริมเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารแนวความคิดและโครงการต่างๆ และส่งเสริมความร่วมมือและการปรัลบปรุงการประสานงานระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและการทำงานเกี่ยวกับการค้าเด็กในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง
ในระดับชาติประเทศไทยได้มีความพยายามพิจารณาแก้ไขกฎหมายเพื่อช่วยในการปกป้องในการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของเด็ก และเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ได้มีการปรับปรุงในหลายๆ ด้าน อาทิ ในด้านการศึกษารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้กำหนดให้เด็กไทยต้องได้รับการศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปี และในด้านการมีส่วนร่วมได้กำหนดให้เยาวชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปมีสิทธิในการเลือกตั้ง
นอกจากนั้นในปีนี้ประเทศไทยยังได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดานวันเยาวชนอาเซียน (8 สิงหาคม) ซึ่งกำหนดจะจัดการประชุมคณะอนุกรรมการประสานงานด้านเยาวชนอาเซียน (ASEAN Sub-Committee on Youth) ในระหว่างวันที่ 6-10 สิงหาคม 2540 ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพมหานคร
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ นับป็นแนวทางที่ดีในการประสานความร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนในภูมิภาคนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดความร่วมมมือที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นในอนาคต--จบ--