กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--เอเอสวี อินเตอร์ กรุ๊ป
ปัจจุบันเกษตรกรมีการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยวเพื่อการแข่งขันทางการค้ากันมาก ซึ่งมักส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น อีกทั้งสารเคมีที่ใช้ไม่ถูกวิธีและปริมาณที่มากเกินไปยังส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ที่สำคัญส่งผลให้เกิดปัญหาสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมตามมา
นายสุรพล จารุพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงมุ่งเน้นพัฒนาเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำเนินการส่งเสริมการเรียนรู้แก่เกษตรกรโดยยึดหลักการเกษตรแบบประณีต จัดทำแปลงนาต้นแบบและเป็นแปลงเรียนรู้สมบูรณ์แบบ ให้เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ทั้งในด้านเกษตรประณีต เศรษฐกิจพอเพียง การผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอย่างจำกัด การจัดการดินและใช้น้ำอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนการสร้างให้เกิดรายได้ตลอดฤดูการเพาะปลูก ซึ่งสำนักงานเกษตรกรุงเทพมหานคร ได้จัดทำแปลงต้นแบบในการทำการเกษตรแบบประณีต โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเขตกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานเขตทวีวัฒนา สถานีพัฒนาที่ดิน สำนักงานปศุสัตว์ ส่วนประมง สำนักงานเกษตรเขต เป็นต้น
ด้านนายพิเชียร ระวิระ เกษตรกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในปัจจุบันแม้ว่าพื้นที่กรุงเทพมหานครส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนเมือง แต่ก็ยังมีพื้นที่ทำการเกษตรอยู่มาก โดยเฉพาะในเขตชานเมือง การจัดทำแปลงนาต้นแบบโดยยึดหลักการเกษตรแบบประณีตนี้ ได้ทำการคัดเลือกแปลงนาของเกษตรกรในเขตทวีวัฒนา ดำเนินการบนพื้นที่ 2 ไร่ โดยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางผังแปลงและจัดรูปแปลงนาแบบประณีต จัดการดินและน้ำ ใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่เตรียมตัวก่อนปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยวและแปรรูป
นายวิโรจน์ เกตุสะอาด เกษตรกรเจ้าของแปลงต้นแบบ อยู่บ้านเลขที่ 63/7 หมู่ 2 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ร่วมทำการเกษตรแบบประณีตบนเนื้อที่ 2 ไร่บริเวณรอบบ้าน เล่าให้ฟังว่า มีเจ้าหน้าที่จากทางสำนักงานเกษตรกรุงเทพมหานคร เข้ามาร่วมวางผังแปลงและจัดรูปแปลงนา ขุดร่องน้ำบริเวณรอบแปลง ส่วนการปรับปรุงดินก็มีเจ้าหน้าที่จากสถานีพัฒนาที่ดินมาทำการตรวจวิเคราะห์ดิน เพื่อให้ใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม ซึ่งการทำการเกษตรแบบประณีตก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแค่ต้องเพิ่มความเอาใจใส่ในทุกกิจกรรม โดยมีเทคนิคบางประการและวิธีการที่น่าสนใจ ดังนี้
เพาะกล้าในถาดหลุม ใช้เมล็ดพันธุ์เพียงไร่ละ 5 กิโลกรัม
สำหรับการเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าว เราจะเลือกใช้ข้าวพันธุ์ ไรซ์เบอร์รี่ เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาดและมีราคาสูง โดยทำการเพาะกล้าข้าวในถาดเพาะขนาด 561 หลุม จำนวน 120-140 ถาด ซึ่งในพื้นที่ 2 ไร่จะใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 10 กิโลกรัมเท่านั้น
เริ่มต้นจากการโรยดินบดละเอียดลงก้นหลุมเล็กน้อย แล้วหยอดเมล็ดข้าวในถาดเพาะหลุมละ 2-3 เมล็ด จากนั้นโรยดินให้เสมอขอบปากหลุม เมื่อเพาะเสร็จแล้วให้วางถาดเรียงกันบนพื้นที่เรียบ โดยไม่วางถาดซ้อนทับกัน เสร็จแล้วนำตาข่ายพลาสติกเขียวหรือสแลนคลุมไว้เพื่อป้องกันเมล็ดพันธุ์ข้าวกระเด็นออกมาเมื่อรดน้ำ ทำการรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เมื่อต้นกล้างอกแล้วให้นำสแลนออก แล้วรดน้ำไปจนกว่ากล้าข้าวจะมีอายุประมาณ 12-20 วัน
ไถกลบตอซัง เตรียมแปลงก่อนปลูก
เมื่อเตรียมเพาะกล้าแล้วให้เตรียมพื้นที่ปลูก โดยหากพบตอซังเก่าให้ทำการกำจัดฟางข้าวโดยใช้น้ำหมัก แล้วไถพลิกปรับหน้าดิน ปล่อยน้ำขังแปลงนาเพื่อกำจัดวัชพืช 7 – 15 วัน จากนั้นไถคราด ทำเทือก ชักร่องรอไว้ ก่อนจะย้ายถาดกล้าที่ได้ขนาดที่เพาะไว้มาวางตามแนวที่จะโยนกล้าก่อนการโยนกล้า 1 วัน (พื้นที่ 1 ไร่ ใช้กล้าข้าว 60 – 70 ถาด)
การโยนกล้า เทคนิคที่ช่วยประหยัดทั้งแรงงาน เมล็ดพันธุ์ ต้นทุน เวลา
เราทำการปลูกข้าวโดยวิธีโยนกล้า โดยโยนทีละหนึ่งกำมือ ซึ่งการทำนาแบบโยนกล้านี้ จะช่วยลดการเกิดข้าวดีดและวัชพืชในนาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังประหยัดเมล็ดพันธุ์ลงได้ถึง 80-85% ซึ่งต้นกล้าที่โยนจะตั้งตัวได้ทันที กล้าข้าวไม่ช้ำ เจริญเติบโตเร็วและแตกกอดี ซึ่งสามารถปลูกข้าวได้รวดเร็ว ที่สำคัญสามารถลดการใช้ปุ๋ยลงได้กว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับนาหว่านหรือนาน้ำตม
หมั่นดูแลน้ำ กำจัดวัชพืช ให้ปุ๋ยตามความเหมาะสมของพื้นที่
เมื่อต้นข้าวตั้งขึ้น (อายุ 7 – 15 วันหลังโยนกล้า) ให้ปรับระดับน้ำในแปลงนา หากยังพบวัชพืชและข้าววัชพืช (ข้าวดีด/ข้าวเด้ง) ในแปลงนาให้กำจัดด้วยการถอน ป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยใช้สารชีวภัณฑ์ และใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ คือ ให้ปุ๋ยครั้งที่ 1 เริ่มใส่ประมาณ 15-20 วัน ใช้สูตร 16-20-0 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ และทำการใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 ในระยะกำเนิดช่อดอก โดยใช้สูตร 46-0-0 อัตรา 3 กิโลกรัมต่อไร่
เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา และปลูกพืชผัก เสริมรายได้
นอกจากการทำนาแบบประณีตแล้ว บริเวณรอบๆ แปลงนาจะทำร่องน้ำขนาดกว้าง 2 เมตร ลึก 1 เมตร และบ่อปลาขนาด 6 x 6 เมตร แล้วปล่อยปลากินพืช เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาไน พันธุ์ไก่พันธุ์ไข่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนพันธ์ปลาและไก่จากส่วนประมง กทม. และสำนักงานปศุสัตว์ กทม. ส่วนผักก็ปลูกรอบแปลงนา ได้แก่ พริก มะเขือ ผักกาดขาว กวางตุ้ง ผักบุ้ง กะเพรา โหระพา บวบ มะนาว มะกรูด ฯลฯ โดยจะใช้พื้นที่ทุกจุดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ทำให้เรามีบริโภคตลอด ที่สำคัญยังสามารถจำหน่ายให้เพื่อนบ้าน ร้านค้าต่างๆ ในชุมชน เป็นแหล่งรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
“ ผมตัดสินใจเข้ามาร่วมทำแปลงสาธิตโครงการส่งเสริมเกษตรแบบประณีต โดยเริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งที่ผ่านมาได้รับทั้งคำแนะนำด้านเกษตรที่เป็นประโยชน์จากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ทำให้รู้เทคนิคหลายอย่างที่เราไม่เคยรู้ไม่เคยทำ จึงอยากเชิญชวนให้เกษตรกรลองแบ่งพื้นที่มาทำการเกษตรแบบประณีต จะมีพื้นที่เท่าใดตามสามารถทำได้ทั้งนั้น วางแผนปลูกโดยเน้นสิ่งที่เรากิน อย่างน้อยผลิตผลที่เราผลิตได้ก็ทำให้ลดรายจ่าย และเป็นหนทางช่วยเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ” นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย
แปลงนาต้นแบบของการทำการเกษตรแบบประณีตแห่งนี้ จะเป็นแหล่งฝึกศึกษาดูงานและปฏิบัติงานภาคสนามให้แก่เจ้าหน้าที่ และเกษตรกรผู้สนใจทั่วไป ได้นำไปเป็นต้นแบบ สามารถผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระบบการผลิตสินค้าเกษตรและคุณภาพสิ่งแวดล้อม หากท่านใดมีความสนใจสามารถเดินทางไปดูงานได้ที่ แปลงของนายวิโรจน์ เกตุสะอาด ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 แขวง/เขตทวีวัฒนา หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรกรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 02-4355047