กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--โฟร์ พี แอดส์
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จัดบริการเชิงรุกเพื่อค้นหาโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ เพื่อลดอันตรายจากการติดเชื้อ และลดแพร่กระจายเชื้อโรคเหล่านี้แก่ผู้อื่น รวมทั้งพัฒนารูปแบบการจัดบริการสุขภาพเชิงรุกให้แก่เรือนจำ โดยคัดเลือกเรือนจำ 3 แห่งในจังหวัดปทุมธานีเป็นพื้นที่นำร่องได้แก่ ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางปทุมธานี ทัณฑสถานบำบัดพิเศษชายปทุมธานี และเรือนจำจังหวัดปทุมธานี โดยจัดกิจกรรมเรือนจำละ 3 ครั้ง มีเป้าหมายคัดกรองผู้ต้องขังทั้งสิ้น จำนวน 900 ราย
ที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง จ.ปทุมธานี นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พร้อมนายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ร่วมดำเนินการในกิจกรรมการจัดบริการเชิงรุกเพื่อค้นหาโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ โดยมีผู้ต้องขังเข้ารับการตรวจคัดกรองรวม 400 ราย
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องขังเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีโอกาสเสี่ยงสูง ซึ่งผู้ต้องขังที่ได้รับเชื้อก่อนจำคุกสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้ต้องขังรายอื่นได้ไม่ยาก และผู้ต้องขังที่ติดเชื้อไม่ว่าจะติดจากนอกหรือในทัณฑสถาน ก็สามารถกลับไปแพร่กระจายเชื้อให้กับชุมชนได้เมื่อพ้นโทษแล้ว เพราะกลุ่มผู้ต้องขังอยู่รวมกันหนาแน่น ทำให้เอื้อต่อการแพร่กระจายโรคได้ ในปัจจุบันมีชายผู้ต้องขังประมาณ 200,000 คนในเรือนจำและทัณฑสถาน 141 แห่งทั่วประเทศไทย แต่ละเดือนมีผู้ต้องขังประมาณ 8,000 คน ที่พ้นโทษและได้รับการปล่อยตัว และอีกมากกว่า 8,000 คนที่เข้ารับโทษจำคุก ทั้งนี้ยังมีผลการสำรวจผู้ต้องขังชายในเรือนจำกลางคลองเปรม จ.นนทบุรี พบผู้ติดเชื้อซิฟิลิสร้อยละ 3 ติดเชื้อเอชไอวีร้อยละ 25 โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ร้อยละ 4.18 จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบรายงานผู้ป่วยวัณโรคในอัตราที่สูงกว่าประชาชนทั่วไป 5-10 เท่า
กรมควบคุมโรคจึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมการเข้าถึงบริการป้องกันและดูแลรักษาเอชไอวีในผู้ต้องขัง ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ ปี 2549 เป็นต้นมา และปีนี้ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมบริการเชิงรุก เพื่อค้นหาโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคใน 3 เรือนจำ คือ ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางปทุมธานี ทัณฑสถานบำบัดพิเศษชายปทุมธานี และเรือนจำจังหวัดปทุมธานี ซึ่งมุ่งเน้นการค้นหาและวางระบบบริการด้านการป้องกันและดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวัณโรค ที่ครบวงจรแก่ผู้ต้องขัง โดยจัดกิจกรรมการตรวจหาเชื้อเอชไอวีแบบทราบผลภายในวันเดียว ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การเอกซเรย์และตรวจวินิจฉัย เพื่อค้นหาวัณโรค พร้อมทั้งพัฒนาระบบการดูแลรักษา การส่งต่อผู้ป่วยระหว่างเรือนจำและโรงพยาบาลควบคู่กันไป เพื่อเปิดช่องทางให้ผู้ต้องขังเข้าถึงบริการที่สะดวกรวดเร็วขึ้น และลดภาระในการรักษาได้ โดยการจัดกิจกรรมในวันนี้ที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางปทุมธานี ซึ่งจะมีผู้ต้องขังได้รับการตรวจรวมทั้งสิ้น 400 ราย คัดกรองวัณโรค โดยสำนักวัณโรค คัดกรองโรคไม่ติดต่อ และตรวจรักษาผู้ต้องขังป่วยด้วยโรคทั่วไป จำนวน 300 ราย โดยทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลคลองหลวง ค้นหาโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จำนวน 100 ราย โดยสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
“ในโอกาสนี้ ขอแนะนำประชาชนทั่วไปว่า ขอให้ทุกคนหันมาป้องกันตนเอง และรับผิดชอบตนเองและผู้อื่น เมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับทุกกลุ่ม ถ้าต้องการคำปรึกษาเรื่องสุขภาพทางเพศ สามารถเข้ารับบริการได้ที่สถานพยาบาลและเครือข่ายบริการที่เป็นมิตรใกล้บ้าน ซึ่งในปัจจุบันคนไทยทุกคนสามารถเจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง หากประชาชนสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 02 590 3217 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” นพ.สมศักดิ์ กล่าวปิดท้าย