กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
‘บมจ.เซ็ปเป้’ สรุปราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป หุ้นละ 13.50 บาท หลังสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) ของนักลงทุนสถาบัน พร้อมเปิดจองระหว่าง 18-20 มิถุนายนนี้ ก่อนเข้าเทรดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 25 มิถุนายน เซ็นสัญญาแต่งตั้ง บล.กสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยมี 4 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำเข้าร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ด้านผู้บริหารแอดไวเซอรี่ พลัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินมั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับที่ดี ขณะที่ผู้บริหารเซ็ปเป้ ระบุแนวโน้มธุรกิจและอุตสาหกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงามสดใส โดยเฉพาะความนิยมในเครื่องดื่มของเซ็ปเป้ในต่างประเทศทำให้บริษัทมีการเติบโตของรายได้ในต่างประเทศแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/57 ทำกำไรพุ่ง 449%
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2557 บริษัทเซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ได้จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ รวมทั้งยังแต่งตั้งผู้ร่วมจำหน่ายหุ้นอีก 4 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน)
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากที่ บล.กสิกรไทย ได้ทำการสำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) ของนักลงทุนสถาบันเมื่อวันที่ 16 เดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีช่วงราคาเสนอขายที่ 12.90 – 13.50 บาทต่อหุ้น ปรากฏว่า นักลงทุนสถาบันได้แสดงความต้องการซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 13.50 บาท โดยมีความต้องการซื้อหุ้นรวมคิดเป็น 18 เท่าของจำนวนหุ้นที่จะจัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบัน ดังนั้น บล.กสิกรไทย และ บมจ.เซ็ปเป้ จึงกำหนดราคาหุ้นที่จะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 13.50 บาท โดยจะเปิดจองให้นักลงทุนซื้อหุ้นได้ในระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายน และคาดว่าจะเข้าซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 25 มิถุนายนนี้
ด้านนายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทแอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจว่า หุ้น IPO ของ บมจ.เซ็ปเป้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยเป็นผู้สร้างสรรค์เครื่องดื่มระดับโลก ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และเครื่องดื่มที่มุ่งเน้นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขภาพและความงาม ซึ่งมีสินค้าแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ภายใต้ 13 ตราสินค้าที่จำหน่ายในประเทศ ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม 2.ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำผลไม้ / เครื่องดื่มแต่งกลิ่นผลไม้ 3.ผลิตภัณฑ์ประเภทผงพร้อมชง เพื่อสุขภาพและความงาม และ 4.ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มปรุงสำเร็จพร้อมดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม นอกจากนี้ยังส่งออกไปจำหน่ายไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งทวีปเอเชีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกา อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ โดยเป็นการจำหน่ายผ่านคู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย ตัวแทนนำเข้าสินค้า ผู้ค้าปลีกและร้านค้าย่อยในช่องทางจัดจำหน่ายต่างๆ
ทั้งนี้ บมจ.เซ็ปเป้ จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งสิ้น 75 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 304.62 ล้านบาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วมีจำนวน 225 ล้านบาท คิดเป็น 225 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ขยายกำลังการผลิตเครื่องบรรจุน้ำและการผลิตขวด PET รองรับแผนขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต ส่วนที่เหลือนำไปชำระเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ ต่อไป
ขณะที่นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็ปเป้ กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายสร้างสรรค์แบรนด์ ‘เซ็ปเป้’ และแบรนด์อื่นๆ ไปสู่การเป็นเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความแปลกใหม่ในด้านนวัตกรรมให้แก่วงการเครื่องดื่ม ทั้งรสชาติสินค้าและบรรจุภัณฑ์ ภายใต้กระบวนการผลิต การวิจัย ช่องทางจำหน่ายหลากหลาย เพื่อรุกทำตลาดทั้งในต่างประเทศและในประเทศ โดยแบรนด์ ‘เซ็ปเป้’ มีความแข็งแกร่งและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งด้านคุณภาพสินค้าและเกิดความภักดีต่อแบรนด์ ทำให้เครื่องดื่มแบรนด์ ‘เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์’ ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นเบอร์ 1 ของตลาดฟังก์ชันนัลดริ้งค์สำหรับผู้หญิงในประเทศไทย และน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์ ‘โมกุ โมกุ’ ที่ประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก
ทั้งนี้ แนวโน้มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงามของไทยพบว่า ตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริ้งค์ของผู้หญิง ตลาดน้ำผลไม้และตลาดกาแฟฟังก์ชันนัลที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัท มีผลิตภัณฑ์ทำตลาดอยู่นั้นพบว่ามีการเติบโตที่ดีมาก จากปัจจัยที่ผู้ประกอบการแข่งขันนำเสนอสินค้านวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็ปเป้ กล่าวว่า ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/57 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการขาย 774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 302.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 64.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายรวม 471.21 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 122.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 449% เมื่อเทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 26.60 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตมาจากยอดขายจาการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง มีผลต่อความสามารถทำกำไรที่ดี เนื่องจากสามารถประหยัดต่อขนาด หรือ Economy of Scale จากการผลิตจำนวนมากตามยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น และความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“เราตั้งเป้าหมายที่จะสร้างแบรนด์สินค้าของคนไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดโลก โดยเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ๆ และบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย มีความโดดเด่น ภายใต้นโยบายสินค้าที่มีคุณภาพ เป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเชื่อว่าแนวทางดังกล่าว จะทำให้เราสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต” นายอดิศักดิ์ กล่าว