กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
อินเทล คอร์ปอเรชั่น ได้เปิดเผยรายงานความรับผิดชอบต่อสังคมประจำปี 2556 โดยเป็นการรวบรวมการดำเนินงานที่ครอบคลุมทั้งด้านการจัดซัพพลายเชน (Supply Chain Management) การจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของพนักงานและการศึกษา โดยยังคงยึดมั่นในความโปร่งใสในการบริหารงาน อย่างที่เคยดำเนินมาตลอด 20 ปี
ไบรอัน เคอซานิทช์ ซีอีโอ ของอินเทล กล่าวว่า “อินเทลเชื่อว่าความรับผิดชอบต่อสังคม จะเป็นปัจจัยที่เพิ่มคุณค่าให้แก่บริษัท นักลงทุน และสังคมที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ จะเห็นได้ว่าโลกของเทคโนโลยีนั้น เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆตั้งแต่การคิดค้นอุปกรณ์โมบายล์ และอุปกรณ์อัจฉริยะขนาดเล็กสำหรับสวมใส่ (wearable) ไปจนถึงระบบคลาวด์ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย แต่ไม่ว่าโลกจะก้าวไปไกลเพียงใด เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำทางด้านความรับผิดชอบต่อสังคมให้ดี เท่าๆกับที่เราเป็นผู้นำในโลกเทคโนโลยี”
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มอบรายงาน เกี่ยวกับการนำแร่ธาตุจากแหล่งแร่ที่ปราศจากความขัดแย้ง (หรือ “conflict minerals”)1 ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกาเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติในกฎหมายปฏิรูปวอลล์ สตรีท โดย ดอดด์-แฟรงค์ และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคปี 2553 ซึ่งมีการกำหนดให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องคำนึงถึงการใช้แร่ธาตุที่มาจากแหล่งแร่ที่ปราศจากความขัดแย้ง รวมถึงแสดงแหล่งที่มาของแร่เหล่านั้น
เมื่อปีที่แล้ว ในรายงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมประจำปี 2555 อินเทลได้ประกาศเป้าหมายในการเป็นผู้ผลิตไมโครโปรเซสเซอร์รายแรก ที่จะใช้แร่ธาตุที่มาจากแหล่งแร่ที่ปราศจากข้อขัดแย้ง2 ในปี 2556 รายงานชิ้นนี้ได้แสดงให้เห็นว่าบริษัท มีความพยายามอย่างยาวนานที่จะทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในระบบซัพพลายเชน กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มพันธมิตรของผู้ผลิต เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่มีส่วนประกอบของธาตุโลหะแทนทาลัม ดีบุก ทังสเตน หรือ ทอง ที่อาจจะเป็นแหล่งรายได้หรือเอื้อผลประโยชน์ให้แก่กลุ่มติดอาวุธในคองโก หรือประเทศใกล้เคียง
อินเทล ได้มีการจัดทำรายงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สุขอนามัยและความปลอดภัย มาตั้งแต่ปี 2537 และจัดทำรายงานความรับผิดชอบต่อสังคม มาตั้งแต่ปี 2544 โดยสาระสำคัญของรายงานประจำปี 2556 มีดังนี้
ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
· จากรายงานของหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (U.S. Environmental Protection Agency) อินเทลเป็นผู้จัดซื้อพลังงานทางเลือกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 ปี โดยอินเทลจัดซื้อพลังงานทางเลือกกว่า 31,000 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ซึ่งเท่ากับการใช้พลังงานไฟฟ้าของอินเทลในสหรัฐฯทั้งหมด และปริมาณดังกล่าวเทียบเท่าได้กับการลดการปล่อยคาร์บอนไดอ็อกไซด์โดยบ้านเรือนได้กว่า 320,000 หลัง ในสหรัฐฯ
· อินเทลได้รับการรับรองด้านความเป็นผู้นำในด้านมาตรฐานการสร้างอาคารอนุรักษ์พลังงาน หรือ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) จากอาคารของอินเทล 36 แห่ง ใน 8 ประเทศ ซึ่งเทียบเท่ากับ 10 ล้านตารางฟุต
อินเทล มีการลงทุนทางด้านการจัดการทรัพยากรน้ำกว่า 220 ล้านเหรียญสหรัฐ มาตั้งแต่ปี 2541 โดยในปัจจุบัน อินเทลได้ช่วยประหยัดการใช้น้ำไปแล้วกว่า 46,000 ล้านแกลลอน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการในหนึ่งปีของ 430,000 ครอบครัวในสหรัฐฯ
· ตั้งแต่ปี 2551 อินเทล มีการให้ผลตอบแทนต่อพนักงานทุกระดับ โดยคำนวณจากข้อมูลทางด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
การจัดการซัพพลายเชน
ไบรอัน เคอซานิทช์ ซีอีโอของอินเทล กล่าวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า อินเทลได้บรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้ผลิตไมโครโปรเซสเซอร์เพื่อการค้ารายแรกที่ใช้แร่ธาตุที่มาจากแหล่งแร่ที่ “ปราศจากข้อขัดแย้ง”
อินเทล ยังรายงานถึงพันธมิตรผู้ผลิตวัตถุดิบรายสำคัญ ที่สามารถบรรลุเป้าหมายในการรักษาสิ่งแวดล้อมและมีธรรมมาภิบาลขั้นสูง รวมถึงรายอื่นที่มีแผนในการปรับปรุงให้บรรลุเป้าหมายเช่นกัน
อินเทล อยู่ในลำดับที่ 5 จากจำนวน 25 บริษัทชั้นนำ ในการจัดอันดับบริษัทที่มีการจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพที่สุดประจำปี 2556 โดยการ์ทเนอร์ ซึ่งเลื่อนขึ้นมาจากลำดับที่ 7 ในปีก่อนหน้านี้
การสร้างแรงจูงใจต่อพนักงาน
อินเทล ได้เป็นหนึ่งใน “100 บริษัทที่น่าทำงานที่สุด” จากนิตยสารฟอร์จูน โดยอินเทลมีการใช้งบประมาณกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการจัดอบรมและพัฒนาพนักงาน ซึ่งเฉลี่ยเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 3,100 เหรียญสหรัฐ และใช้จำนวนชั่วโมงในการอบรมที่ 31 ชั่วโมง ต่อพนักงาน 1 คน
อินเทล สร้างโอกาสทางการจ้างงานให้แก่ทหารผ่านศึกกว่า 4,300 ตำแหน่ง รวมถึงสมาชิกประจำของ National Guard และทหารกองหนุน โดยมีการจ้างในหน่วยงานต่างๆตั้งแต่วิศวกรรม เทคโนโลยี ไปจนถึงการเงิน และการผลิตขั้นสูง
อินเทล สนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตอบแทนสังคม ด้วยโครงการ Intel Involved ซึ่งมีการอุทิศเวลาในการช่วยเหลือสังคมกว่า 1.2 ล้านชั่วโมง เทียบเป็นจำนวนเงินกว่า 28 ล้านเหรียญสหรัฐ
การลงทุนด้านการศึกษา
อินเทล และมูลนิธิอินเทล ได้ลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นประจำทุกปี เพื่อพัฒนาด้านการศึกษาทั่วโลก
อินเทล เปิดตัวโครงการ Intel® She Will Connect (อินเทล® ชี วิล คอนเนค) ซึ่งเป็นการลดช่องว่างการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตระหว่างผู้ชายและผู้หญิง และเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้าถึงการใช้งานแบบออนไลน์มากขึ้น โดยเริ่มต้นที่เขตแอฟริกาใต้ซาฮาร่า และตั้งเป้าว่าจะลดช่องว่างนี้ ให้ได้ร้อยละ 50 ภายในปี 2559 โดยเปิดโอกาสให้ผู้หญิงกว่า 5 ล้านคน ได้เข้าถึงโอกาสใหม่ๆผ่านเทคโนโลยี
หนึ่งในความพยายามที่จะสร้างนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ คือการร่วมมือกับ Arduino* เพื่อมอบบอร์ด Intel® Galileo (อินเทล® กาลิเลโอ) สำหรับนักพัฒนาและกลุ่มผู้ใช้งานในแวดวงการศึกษา โดยจะทำการบริจาคบอร์ด Intel Galileo จำนวน 50,000 ชิ้น ให้กับมหาวิทยาลัย 1,000 แห่งทั่วโลก ในช่วงอีก 18 เดือนข้างหน้านี้
ข้อมูลเพิ่มเติมของรายงานฉบับนี้ สามารถอ่านได้ที่ www.intel.com/go/responsibility และสามารถติดตามโครงการรับผิดชอบต่อสังคมต่างๆของอินเทลได้ที่ CSR@Intel blog และ Twitter