กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--IR network
VTE รุกธุรกิจพลังงานเต็มสูบเริ่มขายถ่านหินพร้อมรับรู้รายได้ทันที Q3/57หลังควัก 600 ลบ.ซื้อเหมืองถ่านหินอินโดฯปีที่แล้ว เตรียมขุดจำหน่ายปลายปีนี้ มั่นใจปี”58 เทิร์นอะราวด์ฐานรายได้มาจากพลังงานมากถึง 60-70% ดันกำไรกระฉูด!
บมจ.วินเทจ วิศวกรรม (VTE) รุกธุรกิจพลังงานเต็มสูบ หลังเข้าถือหุ้นบริษัท SMI ผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินในอินโดฯ ในสัดส่วน 25% มูลค่าลงทุน 600 ล้านบาท ลั่นพร้อมขุดถ่านหินบนเกาะสุมาตรา ในช่วงไตรมาส 4/57 มีปริมาณสำรอง 50 ล้านตัน ขณะที่ “Worldmax Management” บริษัทลูก ใช้เป็นหน่วยทะลวงฟันลุยธุรกิจเทรดดิ้ง เริ่มซื้อ-ขายถ่านหินบนเกาะสุมาตรา เดือนมิ.ย.นี้ รับรู้รายได้ทันที ล่าสุดเซ็น MOU เป็นตัวแทนขายถ่านหินของ PT. China Coal Geology Mining บนเกาะกาลิมันตัน 4 เหมือง นอกจากนั้นได้เซ็น MOU ขายถ่านหินกับ Tader Coal SMC เทรดเดอร์รายใหญ่ของจีนที่ต้องการถ่านหิน 2.5 ล้านตันต่อเดือน “โสรัจ โรจนเบญจกุล” ระบุเริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ไตรมาส 3/57 พร้อมมั่นใจปี”58 เทิร์นอะราวน์ พลิกโฉมรายได้หลักมาจากธุรกิจพลังงาน กำไรกระฉูด
นายโสรัจ โรจนเบญจกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) (VTE) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมรุกธุรกิจพลังงานเต็มตัวโดยเฉพาะธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย หลังเริ่มเข้าสู่ธุรกิจนี้ด้วยการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท SMI ตั้งแต่ปีที่แล้ว ผ่านการเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 25% มูลค่าลงทุน 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขุดถ่านหินได้ในช่วงไตรมาส 4/2557 โดยมีอายุสัมปทาน 5 ปี และปริมาณสำรองถ่านหิน 50 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม VTE จะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจถ่ายหินตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ โดยผ่านการดำเนินธุรกิจของบริษัทลูกคือ Worldmax Management ซึ่ง VTE ที่ถือหุ้น 100% ซึ่งทำธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหิน ที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญาบริหารเหมือง (Offtake) พร้อมจัดจำหน่ายถ่านหินกับ PT. Bangun Jaya Citra Mandiri (BJCM) บนเกาะสุมาตรา ซึ่งจะเริ่มนำถ่านหินออกมาขายและรับรู้รายได้ในเดือนนี้ โดยได้ตกลงทำสัญญาร่วมกันเป็นเวลา 2 ปี มีกำลังการผลิตและสามารถจำหน่ายถ่านหินเฉลี่ยปีละ 3 แสนตัน
และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา Worldmax Management ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) Exclusive Selling and Distribution กับบริษัท PT. China Coal Geology Mining ซึ่งเป็นบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจจีน ในประเทศอินโดนีเซีย โดย Worldmax Management ได้รับสิทธ์แต่เพียงผู้เดียวในการนำถ่านหินออกมาจำหน่าย จากเหมืองบนเกาะ Kalimantan จำนวน 4 เหมือง จากทั้งหมด 11 เหมือง โดยได้ตกลงทำสัญญาร่วมกันเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งในเบื้องต้นจะมีผลผลิตถ่านหิน 100,000 ตัน/เดือน และเพิ่มขึ้นถึง 300,000 ตัน/เดือน ส่วนที่เหลืออีก 7 เหมืองอยู่ระหว่างการเจรจาในการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเช่นเดียวกัน
“ถ่านหินที่เราได้บริหารและเป็นตัวแทนจำหน่ายในครั้งนี้ จะนำไปขายให้กับบริษัท Tader Coal SMC จำกัด บริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจถ่านหินในประเทศจีน ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) การรับซื้อถ่านหินไปเรียบร้อยแล้ว โดยลูกค้ารายนี้ ต้องการปริมาณถ่านหินขั้นต่ำถึง 2.5 ล้านตัน/เดือน อย่างไรก็ตาม Worldmax Management สามารถผลิตและป้อนถ่านหินให้ได้ประมาณ 3 แสนตัน/เดือน เท่านั้น แต่ในอนาคตหากสามารถขุดถ่านหินมาจำหน่ายได้มากขึ้นก็สามารถที่จะขายได้เพิ่มขึ้น โดยลูกค้ายินดีที่จะรับซื้อทั้งหมด”
เขากล่าวต่อว่า VTE จะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจถ่านหินได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/57 นี้เป็นต้นไป และภาพรวมในปีนี้น่าจะเริ่มเห็นผลประกอบการที่โดดเด่นขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2556 ที่ผ่านมา แต่จะขยายตัวขึ้นอย่างมากในปี 2558 โดยจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สัดส่วนรายได้จากธุรกิจถ่านหินจะอยู่ที่ 60-70% เมื่อเทียบกับรายได้ในส่วนของวิศวกรรมที่อยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท/ปี และเชื่อว่าจะเป็นปีที่บริษัทเริ่มกลับมามีกำไรอย่างโดดเด่น และถือเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวน์ ผ่านการรุกคืบเข้าสู่ธุรกิจพลังงาน เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้และกระจายความเสี่ยงการทำธุรกิจ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า ธุรกิจถ่านหินจะเป็นธุรกิจที่มีอนาคตดีในระยะเวลาไม่ไกลนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบมีปริมาณสำรองเหลือน้อยมาก อาจจะหมดภายในเวลาไม่กี่สิบปีนี้ ในขณะที่ปริมาณสำรองของถ่านหินยังมีเหลืออยู่ให้ใช้ได้ไม่ต่ำกว่า 150 ปี เมื่อปริมาณน้ำมันดิบเหลือน้อยลง ราคาก็จะสูงขึ้น ทำให้ราคาถ่านหินสามารถขยับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับเทคโนโลยีถ่านหินสมัยใหม่ ได้ถูกพัฒนาจนมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก ได้รับการยอมรับจากชุมชนมากขึ้น ดังนั้นถ่านหินจึงเป็นแหล่งพลังงานราคาถูกรองจากนิวเคลียร์ ซึ่งนับวันจะถูกต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นในประเทศญี่ปุ่น