กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
การได้รับทุนการศึกษาพระราชทานเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และทุนการศึกษาซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระราชทานนาม เพื่อศึกษาต่อ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่ออัตราการคัดเลือกให้รับทุนมีเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้สมัครทั้งหมดเท่านั้น
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ศกนี้ สถาบัน เอไอที ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษานานาชาติในจังหวัดปทุมธานี ได้ประกาศรายชื่อบุคคลที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้รับทุนการศึกษาพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุนการศึกษาพระราชทานในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และทุนการศึกษาลุ่มน้ำโขงพิจัย เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สถาบันเอไอที ซึ่งจะเริ่มในเดือนสิงหาคม 2557 นี้
ทั้งนี้ ผู้รับทุนการศึกษาดังกล่าวซึ่งเป็นคนไทยและคนต่างชาติจำนวน 40 คน ได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัครขอรับทุนจำนวนทั้งสิ้น 1366 คน ซึ่งจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย 314 แห่งจาก 19 ประเทศทั่วเอเชีย
“ในปีนี้ สถาบันเอไอทีมีผู้สมัครขอรับทุนการศึกษาพระราชทานฯจำนวนมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา และเรามีความพอใจเป็นอย่างมากที่นักศึกษาคุณภาพสูงมีความสนใจในหลักสูตรปริญญาโทของเรา ทำให้การคัดเลือกผู้รับทุนในรอบสุดท้ายเป็นไปด้วยความยากลำบาก” ศ. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย อธิการบดี (เฉพาะกาล) ของสถาบันเอไอทีกล่าว
ในบรรดาผู้รับทุนการศึกษาพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจำนวนทั้งสิ้น 21 คน มี 11 คนเป็นชาวไทย และอีก 10 คนเป็นผู้สมัครจากประเทศต่างๆในเอเชีย นักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกนี้จะเข้าศึกษาในสาขาวิชาต่างๆของสำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักวิชาวิทยาการการจัดการของสถาบันเอไอที
สำหรับทุนการศึกษาพระราชทานในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถนั้น มีผู้รับทุนชาวไทย 4 คน และชาวต่างชาติ 5 คน ได้รับทุนการศึกษาเพื่อศึกษาในสำนักวิชาสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรและการพัฒนาของสถาบันเอไอที
นักศึกษาที่มีผลการศึกษาดีเยี่ยม 10 คน จาก กัมพูชา เมียนมาร์ และเวียดนาม ได้รับทุนการศึกษาลุ่มน้ำโขงพิจัย ซึ่งเป็นทุนที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนาม
เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับสมัครนักศึกษาของสถาบันเอไอทีกล่าวว่า การแข่งขันในปีนี้สูงมาก และผู้สมัครทั้งหมดจะต้องมีคะแนนเฉลี่ยสะสมในระดับปริญญาตรีไม่ต่ำกว่า 3.5 หรือเทียบเท่า ถึงจะได้รับการพิจารณาให้รับทุน
ผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 40 คนนี้ เป็นชาวไทย 15 คน และที่เหลือมาจาก 7 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ และเนปาล