กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--ซีพีเอฟ
ในปัจจุบันโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตผู้คนต้องปรับตัว เร่งรีบ และแข่งขันอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งลืมกลับไปมองว่าทุกวันนี้ความสุขในชีวิตของเราได้ลดลงไปจากเดิมบ้างหรือไม่ ไม่ว่าสิ่งเร้าและปัจจัยภายนอกจะทำให้ชีวิตวุ่นวายเพียงใด สิ่งหนึ่งที่เราสามารถควบคุมได้คือ “จิตใจ” ที่จะเป็นตัวกำหนดความทุกข์ความสุขในชีวิต ดังคำกล่าวที่ว่า “จะสุขหรือจะทุกข์อยู่ที่ใจของเรา” เมื่อจิตใจเรามีความสุข จะสามารถดึงศักยภาพที่มาสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จึงเดินหน้าจัดกิจกรรมธรรมะบรรยาย โดยมุ่งหวังที่จะสร้างพนักงานให้มีคุณธรรมจริยธรรมและความสุขทางจิตใจให้เป็นทั้ง “คนเก่ง” และ “คนดี”
นายชินทัต เวียร์สุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักส่งเสริมจริยธรรมองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากนโยบายที่คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร ต้องการมอบสิ่งดีๆ ให้กับพนักงานมากกว่าหน้าที่การงาน สวัสดิการ และเงินเดือน จึงเดินหน้าปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับบุคลากร ซึ่งเป็นหนึ่งในค่านิยมของซีพีเอฟเวย์ ผ่านโครงการธรรมะบรรยายที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า 4 ปี ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 116 ล่าสุดได้นิมนต์ พระพยอมกัลยาโน มาบรรยายธรรมให้กับพนักงานกลุ่มธุรกิจสุกรภาคตะวันออกทั้ง 30 ฟาร์ม ชาวบ้าน และหน่วยงานราชการกว่า 150 คน ในหัวข้อ “ทำงานอย่างมีความสุข ไม่ทำเรื่องทุกข์ให้กับผู้อื่น” ณ ศูนย์วิชาการและสาธิตพันธุ์ไก่พื้นเมือง จังหวัดชลบุรี โดยเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพนักงานและสามารถนำไปปรับใช้ในการแก้ปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาจากการทำงานด้วยสติปัญญา พร้อมตอกย้ำว่าซีพีเอฟไม่ได้เพียงแต่ผลิต “สินค้าคุณภาพ” แต่ได้ผลิต “คนคุณภาพ” ที่เป็นทั้งคนดี และ คนเก่งสู่สังคมไทย
พระพยอมกัลยาโน เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว บรรยายว่า แม้ว่าบ้านเมืองจะวุ่นวายเพียงใด แต่หลักการทำงานของเราต้องเป็นหลักไว้ ต้องรู้สึกอยากทำเพราะว่ามันถูกต้อง ทำแล้วพอใจ จนในที่สุดก็เกิดการอยากทำ เราต้องรู้อยู่เสมอว่าเราต้องไปทำอะไร ที่ไหน เวลาเท่าไร แล้วก็สงบจิตสงบใจเพ่งเล็งอยู่กับงานที่เราทำจนกระทั่งเกิดปัญญารอบรู้แก้ไข รู้เท่าทัน ใครฉลาดทำงาน จะไม่สร้างปัญหาในงาน และไม่สร้างความทุกข์ให้คนอื่นในเวลาทำงาน ถ้าทำงานแล้วต้องปิดงานชั่วคราว ถูกสั่งหยุดงานชั่วคราวเพราะทำไม่ถูกต้อง ไม่เป็นที่พอใจ จะเกิดผลกระทบต่อการทำงาน ไม่สามารถทำต่อไปได้ เพราะฉะนั้นถ้าทำงานแล้วถูกต้อง พอใจ ใครเขาก็อยากให้ทำ"
นายชัชวาลย์ เจนสำโรง ผู้จัดการศูนย์ฝึกอบรมนนทรีย์ จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า การทำงานมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ทำให้มีความสุขคือ เพื่อนร่วมงานและผู้บริหารที่คอยช่วยกันแก้ไขปัญหา ธรรมะบรรยายในวันนี้ทำให้เราได้มานั่งคิดทบทวนว่าทำงานอย่างไรให้เรามีความสุข สิ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ คือ การมีสติและการใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา ซึ่งโดยปกติแล้วงานฟาร์มจะเจอปัญหาค่อนข้างเยอะทั้งเรื่องไลน์การผลิต ฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง ถ้าเรามีสติทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ การทำงานในฟาร์มได้เจอคนหลากหลาย ถ้าเราแก้ปัญหาโดยใช้อารมณ์ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ เราต้องแก้ไขด้วยปัญญา จึงจะสามารถผ่านพ้นปัญหาไปได้
นางสาวสุณีรัตน์ อรัญสาร ผู้จัดการฟาร์มสุกร จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า นิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบธรรมะ ดังนั้นได้ฟังธรรมะบรรยายถือเป็นโอกาสที่ดีเนื่องจากสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตการทำงานได้เป็นอย่างดี เนื่องจากลูกน้องในฟาร์มมีวุฒิการศึกษาต่างกัน พื้นฐานครอบครัวต่างกัน การนำธรรมะมาใช้ประกอบการทำงานจะทำให้เรามีสติ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มักใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล หากเรามีสติเมื่อประสบปัญหาจะสามารถกลับมาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ค้นหาสาเหตุ จะทำให้สามารถแก้ปัญหาและบริหารจัดการฟาร์มได้เป็นอย่างดี
กิจกรรมธรรมะบรรยายนอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสุขภาพใจแล้ว ยังสอดคล้องกับนโยบายองค์กรที่ต้องการเสริมสร้างความสุขในสถานที่ทำงานผ่านกิจกรรมที่ส่งเสริมดุลยภาพการทำงานและการใช้ชีวิตของพนักงาน ที่ผ่านมาสำนักส่งเสริมจริยธรรมองค์กรได้จัดกิจกรรมบรรยายธรรมเดือนละ 4-5 ครั้ง ให้กับพนักงานซีพีเอฟทั้งในส่วนโรงงาน ฟาร์ม และพนักงานที่ประจำอยู่ในสำนักงานต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นอกเหนือจากการเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอาหารที่ผลิตสินค้าที่มีคุณค่าและคุณภาพสู่ผู้บริโภคแล้ว การสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และ มีคุณธรรมจริยธรรม ก็เป็นสิ่งสำคัญในการนำองค์กรสู่ความยั่งยืน