กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--โรงพยาบาลปิยะเวท
แอบดูพัฒนาการลูกน้อย เตรียมความพร้อมก่อนคลอด
โดย นายแพทย์พิเชฐ ผนึกทอง
สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลปิยะเวท
เพราะวินาทีแรกของการลืมตาดูโลกของลูกน้อยนั้นมีความหมายสำหรับคนเป็นแม่ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่สุด นับจากสัปดาห์แรกที่เริ่มตั้งครรภ์ต้องใช้เวลากว่า 9 เดือน แห่งการรอคอยที่จะเจอหน้าลูก ขณะที่ตั้งครรภ์คุณแม่หลายๆ ท่านจึงต้องพยายามทะนุถนอมดูแลครรภ์ของตัวเองเป็นอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหาร การเดิน ลุก นั่ง หรือแม้กระทั่งการนอน ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้กระทบกระเทือนต่อทารกในครรภ์ เพื่อลูกแล้วแม่สามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ลูกน้อยนั้นคลอดออกมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ที่สุด
นายแพทย์พิเชฐ ผนึกทอง สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า จากประสบการณ์ของแพทย์ พบว่าคุณแม่มือใหม่ส่วนใหญ่มักมีความเครียดระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง อาการแพ้จะมีมากใน 3 เดือนแรก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เมื่อตื่นนอนจะมีอาการเวียนศีรษะ อยากอาเจียน เบื่ออาหาร รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ซึ่งแต่ละคนก็จะมีอาการแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายด้วย หลังจาก 3 เดือนแรก คุณแม่บางท่านอาจมีอาการปวดหลัง ปัสสาวะบ่อย ปวดเสียดท้องน้อย ปวดหลังส่วนล่างร้าวไปถึงต้นขาเมื่ออายุครรภ์เริ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้คุณแม่มีความวิตกกังวลว่าจะเกิดอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ ลูกจะแข็งแรงดีหรือไม่ แล้วจะมีอวัยวะครบหรือเปล่า หรือจะเป็นโรคอะไรแทรกซ้อนไหม สำหรับว่าที่คุณแม่ที่มีความกังวลขณะตั้งครรภ์นั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาเพราะผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะเริ่มมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ และเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เรารับประทาน หรือการกระทำอะไรลงไปนั้นส่งกระทบถึงลูกน้อยในครรภ์เราหรือไม่ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณแม่ ด้วยเทคโนโลยีอัลตราซาวด์ 4 มิติ (Ultrasound 4 D) ที่จะทำให้คุณแม่ได้เห็นลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ค่อยๆ เคลื่อนไหวในท่าทางต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากการอัลตราซาวด์แบบ 2 มิติ และ 3 มิติในทั่วไปที่เห็นเป็นภาพนิ่ง แต่การอัลตราซาวด์ 4 มิติ จะเห็นแบบในเชิงลึกกว่า ช่วยให้เห็นถึงรายละเอียดที่ชัดเจน แม่นยำ แม้กระทั่งเสียงการเต้นของหัวใจลูกน้อย ที่จะทำให้เป็นชั่วโมงแห่งความสุขของคนเป็นแม่ทุกคนที่ได้เห็นใบหน้าของลูกแบบเสมือนจริง ขณะอยู่ในครรภ์ ซึ่งข้อมูลที่ได้ก็เป็นประโยชน์อย่างมากในการศึกษาถึงพฤติกรรม และพัฒนาการการเจริญเติบโตมาเป็นหน้าตา แขน ขา มือ เท้า ของลูกน้อยที่กำลังจะก่อตัวขึ้น เป็นช่วงเวลาสำคัญมากสำหรับคุณแม่ ในการดูแลให้อวัยวะของทารกเพียบพร้อมและสมบูรณ์ที่สุด โดยทุกช่วงอายุครรภ์สามารถตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิติได้ แต่ภาพที่ได้จะแตกต่างกันออกไป ในช่วงอายุครรภ์น้อยๆ จะช่วยให้มองเห็นได้ทั่วร่างกาย แต่ถ้าอายุครรภ์มากจะช่วยให้มองเห็นรายละเอียดต่างๆ ของทารกได้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นช่วงอายุครรภ์ตั้งแต่ 26 สัปดาห์ จะเป็นช่วงดีที่สุด
อย่างไรก็ตามข้อดีของการตรวจอัลตราซาวด์เป็นประจำทุกเดือนก็เพื่อเป็นการช่วยตรวจสอบว่าลูกน้อยของคุณมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหรือไม่ อีกทางหนึ่ง และแพทย์จะได้ทำการประเมินว่าทารกมีการเจริญเติบโต และพัฒนาการสัมพันธ์เหมาะสมกับอายุครรภ์หรือไม่ อีกทั้งยังเป็นการวินิจฉัยความผิดปกติของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ตั้งแต่แรกเริ่ม หากพบความผิดปกติ อาทิ โรคปากแหว่ง เพดานโหว่ หรือกะโหลกศีรษะปิดไม่สมบูรณ์ จะได้หาทางวางแผนในการดูแลได้อย่างเหมาะสม
คุณหมอพิเชฐ เสริมอีกว่า การวินิจฉัยทางการแพทย์ในเรื่องความผิดปกติของทารกยังจำเป็นต้องใช้การอัลตราซาวด์ 2 มิติ และการฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอควบคู่กันไปด้วย แต่สิ่งที่สร้างความดีใจให้กับคนเป็นแม่ก็คือการได้เห็นลูกน้อยในครรภ์มีอวัยวะครบ เหมือนกับการนั่งดูวีดีโอ และเห็นหน้าลูกน้อยเสมือนจริงก่อนที่จะคลอดออกมา ถือได้ว่าเป็นชั่วโมงที่พิเศษสุดของผู้เป็นแม่ ถึงอย่างนี้แล้วคุณแม่หลายคนคงคลายความกังวลไปบ้างแล้ว เพราะการอัลตราซาวด์ 4 มิติ จะเข้ามามีส่วนช่วยให้คุณแม่สามารถมองเห็นและรู้ล่วงหน้าว่าลูกที่จะเกิดมาจะเป็นอย่างไร มีเพศอะไร ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ควรหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ และเลือกที่ให้พลังงาน บำรุงเลือด เสริมแคลเซียม ดื่มน้ำเยอะๆ จะทำให้เลือดไหลเวียนดี ส่งผ่านสารอาหารไปสู่ลูก และที่สำคัญที่สุดคือทำจิตใจให้สดใสต้อนรับลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา