กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--ทิสโก้ไฟแนนเเชียลกรุ๊ป
บล.ทิสโก้ เปิดตัวบริการ “TISCO Global Trade” เปิดโอกาสนักลงทุนไทยเป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำระดับโลก ชวนเทรดหุ้นและ ETF ชั้นนำทุกภูมิภาค ผ่านตลาดหุ้นหลักทั่วโลก ที่มีมาร์เก็ตแคปรวมกว่า 30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ชูจุดเด่นงานวิจัยครอบคลุมทั่วโลก พร้อมประสบการณ์และทีมงานคุณภาพ มุ่งเดินหน้าตามจุดยืนการเป็น “ผู้นำการลงทุนต่างประเทศ” (Global Wealth Advisory) ตั้งเป้าสร้างฐานลูกค้าหุ้นต่างประเทศ 500 รายภายในสิ้นปีนี้
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (บล. ทิสโก้) (Mr. Paiboon Nalinthrangkurn, Chief Executive Officer, TISCO Securities Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า บล. ทิสโก้ มุ่งมั่นที่จะตอบสนองทุกโจทย์การลงทุนของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ออกไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ล่าสุด บล. ทิสโก้ จึงเปิดตัวบริการบริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศให้แก่นักลงทุนบุคคลทั่วไป ในชื่อ “TISCO Global Trade” (ทิสโก้ โกลบอล เทรด) เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของทิสโก้ ในการเป็นผู้นำการลงทุนต่างประเทศที่ครอบคลุมทั่วโลก (Global Wealth Advisory)
“ทิสโก้มีความพร้อมในด้านการลงทุนต่างประเทศ เรามีจุดแข็งหลายประการ ได้แก่ 1. ความพร้อมด้านงานวิจัย เรามีศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO Economic Strategy Unit) ที่วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนในทุกสินทรัพย์ทั่วโลก และมีทีมงานวิจัยคุณภาพจากสำนักวิจัยทิสโก้ (TISCO Research) ประกอบกับฐานข้อมูลที่เรามีครอบคลุมทั่วโลก ทั้งหมดนี้เราจึงมีงานวิจัยในเชิงลึกในทุกภูมิภาค 2. ความชำนาญผลิตภัณฑ์ต่างประเทศ เรามีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม ETF ต่างประเทศ ที่ บลจ. ทิสโก้เสนอขายอย่างต่อเนี่อง และเราได้เริ่มให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศให้แก่ลูกค้ามาสักระยะแล้ว จึงเข้าใจตลาดต่างประเทศเป็นอย่างดี และ 3. ความพร้อมด้านเจ้าหน้าที่การตลาด โดยเราตั้งทีมงานการตลาดขึ้นมาใหม่เพื่อให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถให้คำแนะนำในการลงทุนต่างประเทศได้อย่างเหมาะสม
ด้วยความพร้อมทั้งหมดที่เรามี ประกอบกับช่วงนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศมีความน่าสนใจมาก นอกจากหุ้นไทยแล้ว เรายังมองเห็นโอกาสในตลาดหุ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก ว่าเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับลูกค้านักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นเอเชียเหนือนำโดยเกาหลีใต้และไต้หวันเยอรมัน และญี่ปุ่น ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นมากตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งทิสโก้มีประสบการณ์ให้คำแนะนำลูกค้าออกไปลงทุนต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการผสานกำลังกันภายในกลุ่มทิสโก้ เราจึงพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวบริการ TISCO Global Trade ในวันนี้” นายไพบูลย์ กล่าว
ด้าน นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บล. ทิสโก้ (Mr. Tharatporn Techakitkachorn, Managing Director, TISCO Securities Co.,Ltd.) กล่าวถึงรายละเอียดของ “TISCO Global Trade” บริการซื้อขายหลักทรัพย์และหน่วยลงทุน ETF ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยลูกค้าสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลก 7 แห่งที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) รวมกันกว่า 30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ, NYSE และ AMEX ในสหรัฐอเมริกา, ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE) ในอังกฤษ, ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) ในญี่ปุ่น, ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKSE) ซึ่งมีบริษัทจดเบียนชั้นนำของโลกจำนวนมาก อาทิ Apple, Google, Microsoft, Coca-Cola, Facebook, Unilever, Shell, Microsoft, Prada, Burberry, Ralph Lauren, McDonald's รวมถึงบริษัทชั้นนำระดับโลกในเอเชีย อาทิ Toyota, Honda, Canon, AIA, HSBC เป็นต้น
นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ETF (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำดังกล่าว ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลกให้เลือก อาทิ กอง ETF อิงดัชนี S&P 500 และดัชนี EURO STOXX50 รวมถึงกอง ETF ที่มีนโยบายลงทุนในแต่ละประเทศ เช่น อังกฤษ เยอรมัน รวมถึงภูมิภาคเอเชีย อย่างฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นต้น ผ่านบริการ TISCO Global Trade จึงนับว่ามีความหลากหลายและครอบคลุมทั่วโลก
โดยลูกค้าที่ใช้บริการ TISCO Global Trade จะได้รับบทวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก จากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ซึ่งมีทั้งแบบรายวัน รายเดือน รายไตรมาส และรายปี รวมถึงฉบับพิเศษเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญทั่วโลก เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุน รวมทั้งจะได้รับบทวิเคราะห์แนะนำหลักทรัพย์ต่างประเทศเชิงเทคนิครายสัปดาห์จากสำนักวิจัยทิสโก้ และข้อมูลหลักทรัพย์ และ ETF ต่างประเทศแบบรายตัวตามที่ลูกค้าสนใจ
สำหรับการใช้บริการ TISCO Global Trade ผู้สนใจจะต้องเปิดบัญชี Cash Balance กับ บล. ทิสโก้ ซึ่งเป็นบัญชีแบบเงินสดที่สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามจำนวนเงินที่ฝากเข้าบัญชีของ บล. ทิสโก้ โดยเมื่อเปิดบัญชีแล้ว ลูกค้าสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ตามเวลาทำการของ บล. ทิสโก้ (9.00 – 16.30 น.) โดยไม่กำหนดขั้นต่ำในการซื้อขาย และใช้เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ (USD) เพียงสกุลเดียวในการชำระราคาการซื้อขายหลักทรัพย์ในแต่ละตลาด ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีความสะดวกในการบริหารเงิน นอกจากนี้ยังมีบริการดูแลและติดตามสิทธิประโยชน์จาก Corporate Action หรือประกาศรายการที่มีผลกระทบต่อหุ้นอ้างอิง ให้แก่ลูกค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
“เราพัฒนาบริการใหม่ๆ สำหรับลูกค้านักลงทุนบุคคลมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น TISCO eTrade ให้ลูกค้าเทรดได้ทุกที่ทุกเวลา และ iService บริการฝากถอนเงินจากบัญชีหลักทรัพย์ผ่าน iPhone และ iPad, บริการเปิดบัญชีหุ้นที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา, โปรแกรม Stock Scan ช่วยลูกค้าคัดหุ้นเด็ดได้ด้วยตัวเอง, TISCO Smart Points โปรแกรมสะสมคะแนนแลกรางวัลโดยไม่มีวันหมดอายุ ล่าสุดคือบริการ TISCO Global Trade นี้ ที่จะย่อโลกการลงทุนทั่วโลกมาให้แก่นักลงทุนไทย ทำให้ไม่ต้องจำกัดการลงทุนเพียงแค่ในประเทศอีกต่อไป และในอนาคตหากลูกค้ามีความต้องการลงทุนในหลักทรัพย์และ ETF ในตลาดต่างประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม เราก็พร้อมจะหามาบริการลูกค้า เพื่อเป็น one-stop สำหรับการลงทุนต่างประเทศอย่างครบวงจร โดยเราตั้งเป้าสร้างฐานลูกค้าหุ้นต่างประเทศไว้ที่ 500 รายภายในสิ้นปีนี้” นายธรัฐพร กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสมัครบริการ TISCO Global Trade สามารถสมัครใช้บริการได้แล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6655 หรืออีเมล์ GlobalTrade@tisco.co.th