กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--work link
BEAUTY ระบุเครื่องสำอางเข้าข่ายสินค้าจำเป็น กำลังซื้อผู้บริโภคไม่มีถอย คาดทั้งปีตลาดรวมโตโดยเฉลี่ยประมาณ 7-8 % เผยแผนการตลาดครึ่งปีหลังเน้นพัฒนาบุคลากร ลุย CRM เพิ่มยอดขาย ขยายช่องทางออนไลน์ แนะนำผลิตภัณฑ์เข้าถึงลูกค้ารุ่นใหม่ พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์ BEAUTY MARKET โชว์คอนเซปต์ “ซุปเปอร์มาร์เก็ตความงาม” ขยาย 15 สาขาคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ มั่นใจทั้งปีรายได้ เติบโต 30 %
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยว่า ภาพรวมธุริจด้านความงามในประเทศไทยยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในปีนี้ คาดว่าอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 7-8 %
โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรูปแบบต่างๆมากขึ้น จนกลายเป็นสินค้าจำเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง และมีความถี่ในการซื้อ ตลอดจนความหลากหลายในการใช้ผลิตภัณฑ์ต่อบุคคล อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดเครื่องสำอางจะมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับในช่วงไตรมาส 3 และ 4 เป็นช่วงไฮซีซันของตลาดเครื่องสำอาง
“แม้ในช่วงครึ่งปีแรกภาวะเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัว และส่งผลกระทบให้ยอดขายในหลายภาคธุรกิจมีการปรับลดลงบ้าง แต่ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของ BEAUTY ยังคงมีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้และอยู่ในระดับที่สูงกว่าภาคธุรกิจเครื่องสำอางโดยรวม ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มศักยภาพด้านการขายให้กับบุคลากร การปรับกลยุทธ์ทางการขายของ SHOP BRAND ต่างๆภายใต้การบริหาร ประกอบด้วย BEAUTY BUFFET, BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET” นายแพทย์สุวิน กล่าว
สำหรับแผนการตลาดครึ่งปีหลังของ BEAUTY เน้นไปที่การพัฒนาบุคลากรในด้านการบริการ ณ จุดขาย รวมทั้งปรับปรุงระบบ CRM เพื่อเพิ่มยอดขายของร้าน BEAUTY BUFFET BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET สาขาเดิมให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงขยายสาขาให้ครอบคลุมให้ได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันจะเน้นการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นทั้งในแง่ของการแนะนำผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่าย เนื่องจากในปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมการหาข้อมูลต่างๆ ตลอดจนซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการสร้างแบรนด์ BEAUTY MARKET ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นนั้น โดยใช้กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง แปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคทั่วประเทศ ภายใต้คอนเซปต์ “ซุปเปอร์มาร์เก็ตความงาม” ที่ผสานแนวคิดของ Super Market และ ร้านเครื่องสำอางเฉพาะอย่าง (Beauty specialty store) ที่มุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์เพื่อความงามโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการขยายสาขาให้ครอบคลุมหัวเมืองขนาดใหญ่จำนวน 15 สาขาในปีนี้ จากปัจจุบันมีจำนวน 6 สาขา โดยงบลงทุนของแต่ละสาขาอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านบาท
BEAUTY MARKET มีขนาดร้านตั้งแต่ 100 ตรม. ขึ้นไป และเป็นร้าน Multi-Brands ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักเป็นอย่างดีทั้งแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศ(Inter Brands) เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป ฯลฯ และยังมี แบรนด์ที่เป็นทางเลือก ซึ่งมีขายเฉพาะที่ BEAUTY MARKET โดยภายในร้านมีสินค้าเกี่ยวกับความงามทั้งหมดกว่า 300 แบรนด์ ตั้งแต่ 4,000 - 9,000 SKU ซึ่งจะมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากขึ้น แต่มีความแตกต่างกันในการใช้งาน เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น
นายแพทย์สุวิน กล่าวต่อไปว่า ในช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 30% และรักษาอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20 % ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน และจะมีการขยายสาขาของ SHOP BRAND ต่างๆออกไปตามเป้าหมายด้วยเช่นกัน โดยตั้งเป้าปีนี้ BEAUTY BUFFET เปิดเพิ่ม 30 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวม 210 สาขา โดยปัจจุบันมี 187 สาขา และ BEAUTY COTTAGE เปิดสาขาเพิ่ม 20 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวม 70 สาขา โดยปัจจุบันมี 56 สาขา ในส่วนของกลุ่มประเทศ CLMV ปัจจุบันมีสาขาของ BEAUTY BUFFET จำนวน 5 สาขา BEAUTY COTTAGE จำนวน 3 สาขา รวมปัจจุบัน 8 สาขา