กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--IR network
พระเอกตัวจริง บมจ.คราวน์ เทค แอดวานซ์ (AJD) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้ตราสินค้า "AJ" มั่นใจโครงการแจกคูปองดิจิตอลเดินหน้าต่อ! แต่ต้องรอกระบวนการประชาพิจารณ์ คาดเริ่มแจกได้ภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ด้านผู้บริหาร“อมร มีมะโน”ระบุไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร AJD พร้อมลุย คาดดันยอดขายกระฉูด 2 ล้านกล่องภายในสิ้นปีตามเป้า ชี้สินค้าดี มีคุณภาพ บริการหลังการขายเป็นเยี่ยม แบรนด์เป็นที่ยอมรับมีเชื่อเสียงมายาวนาน แถมยังเป็นเจ้าตลาด ครองมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 50%
จากกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าหลังจากชี้แจ้งรายละเอียดต่อคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับโครงการแจกคูปองส่วนลดซื้ออุปกรณ์โทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ทีวีดิจิตอล) คตร.จะเสนอต่อ คสช. ให้สำนักงาน กสทช. นำโครงการแจกคูปองไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ในเรื่องของกระบวนการแจกคูปอง มูลค่าของคูปอง และเงื่อนไขการแลกคูปอง และหากคสช.อนุญาตให้ กสทช.นำโครงการแจกคูปองไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ก็จะประชุม กสทช.ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ เพื่อเห็นชอบให้นำไปทำประชาพิจารณ์ 4 ภาค แบบเร่งด่วน ใช้เวลา 15 วัน คาดว่าจะแจกคูปองได้ประมาณวันที่ 15 กันยายน โดยประเด็นที่นำไปประชาพิจารณ์ ประกอบด้วย ราคาคูปอง 1,000 บาท เหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้พร้อมจะทำเรื่องสอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ารูปแบบการแจก ควรเป็นคูปองเงินสด หรือ ควรซื้อกล่องแจก
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการรับชมโทรทัศน์จากอนาล๊อกไปสู่ทีวีดิจิตอลของไทย จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ AJD ซึ่งเป็นผู้ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า มีความโดดเด่นในด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ คุณภาพ ช่องทางจัดจำหน่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้สะดวกในการเข้าถึงผู้บริโภครวมถึงแบรนด์ของสินค้าที่เป็นที่รู้จัก ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และคาดว่า AJD จะมีโอกาสจากธุรกิจใหม่ในการเพิ่มรายได้รวมให้เติบโตขึ้นในช่วง 3 ปีนี้
"ทีวีดิจิตอล ถือเป็นตัวแปรหลักที่จะผลักดันรายได้ AJD ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และเราชอบ AJD เพราะมีความได้เปรียบคู่แข่งในด้านช่องทางจัดจำหน่ายทั่วประเทศ ชื่อเสียงของแบรนด์ การได้ประโยชน์จากการประหยัดขนาด ส่วนเรื่องผลประกอบการคาดว่ารายได้จากการขาย Set top box ปีนี้เพียงอย่างเดียวจะทำได้ 495 ล้านบาท แต่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีหน้าจากรายได้ที่เติบโตกว่า 5 เท่าตัว" นักวิเคราะห์รายเดิมกล่าวในที่สุด
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากการทำประชาพิจารณ์ผ่านไปได้ด้วยดี เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ AJD เพราะมีสินค้าที่ถูกต้องตามที่ กสทช.กำหนด ไม่ผิดหลักเกณฑ์ และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพราะมีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย
ด้านนายอมร มีมะโน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) (AJD) เชื่อมั่นว่าโครงการแจกคูปองจะสามารถดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีประโยชน์ต่อประชาชน แต่ทั้งนี้อาจต้องใช้เวลาในตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการ
พร้อมกันนี้ มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทฯ แม้ว่ากระบวนการอาจล่าช้าออกไป แต่เชื่อว่าประชาชนยังคงมีความต้องการรับชมทีวีดิจิตอล ซึ่งไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นการแจกคูปอง หรือ ซื้อกล่องแจกนั้น บริษัทฯมีความมั่นใจว่าจะได้ประโยชน์ทั้ง 2 กรณี เนื่องจากสินค้า Set Top Box ของบริษัทมีคุณสมบัติถูกต้อง และตรงตามสเป็คที่ กสทช.กำหนด ประกอบกับแบรนด์สินค้า “ AJ” เป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพ มีบริการหลังการขายเป็นที่ยอมรับ และมีชื่อเสียงมายาวนาน อีกทั้งเป็นผู้นำตลาด โดยครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 50% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯในปีนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามเป้าหมายที่วางไว้
เขากล่าวต่อว่า AJD ตั้งเป้ายอดขายกลุ่ม Set Top Box ในปีนี้ไว้ที่ จำนวน 2 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นกล่อง Set Top Box จำนวน 1 ล้านเครื่อง และ Smart Set Top Box จำนวน 1 ล้านเครื่อง สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น มีอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งโมเดิร์นเทรด เช่น เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, พาวเวอร์ บาย, เดอะ มอลล์ และแม็คโคร รวมถึง ยังขายผ่านดีลเลอร์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ขณะเดียวกันยังได้วางจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีสาขากระจายกว่า 7,000 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ AJD คาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 3 เท่าจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1,650 ล้านบาท