กรุงเทพฯ--29 มิ.ย.--Mix and Match Communications
ชี้ดีมานด์ยังมีสูง โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาฯเพื่อการลงทุน นำร่องโครงการ ดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา-นิคมปิ่นทอง 1 ตอบสนองต่อการลงทุนที่ครบวงจรภายใต้แนวคิด Biz City ด้วยลักษณะโครงการเป็น มิกซ์ยูส (Mix Use) เผยหลังเปิดแนะนำโครงการได้รับกระแสตอบรับล้นหลาม ด้วยยอดจองกว่า 100 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ( ยอดจริงประมาณ 15 % )
แม้ว่าภาพรวมของการซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ สำหรับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจะมีการชะลอตัวลงไปบ้าง สืบเนื่องมาจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจของประเทศตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 ที่ผ่านมา ส่งผลให้นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม 2557 มีโครงการเปิดใหม่ที่ลดน้อยลงไปเมื่อเทียบกันกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ระบุว่าโครงการเปิดใหม่ประเภทบ้านจัดสรรลดลงไป 10-15% ขณะที่ประเภทคอนโดมิเนียมเองก็มีการเปิดโครงการใหม่ลดลงถึง 40% ด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดขายใหม่ก็ไม่ได้หยุดชะงักลงไป หลายบริษัทเอง ก็ยังคงมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ป้อนเข้าสู่ตลาดเรื่อยๆ เพียงแค่อาจไม่หวือหวามากนักหากเทียบกับปีที่แล้วทั้งนี้เกิดจากการที่กำลังซื้อส่วนใหญ่ตัดสินใจชะลอการซื้อลงเพื่อดูสถานการณ์ไปก่อนในเบื้องต้น
อย่างไรก็ดี ทันทีที่มีรายงานถึงสัญญาณบวกในภาคอสังหาฯ ปรากฏขึ้นหลังก้าวเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งจากการที่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองลดลง เศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หรือการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมออกกฎหมายและมาตรการการกระตุ้นภาคธุรกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เริ่มมีการขยับขยายการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เกิดเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่ปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างเด่นชัด นั่นคือการขยายการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สู่หัวเมืองต่างจังหวัดที่เป็นเขตเศรษฐกิจ รวมทั้งการพัฒนาอสังหาฯ ในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ ไลฟ์สไตล์มอลล์ หรือแม้แต่การพัฒนาในลักษณะมิกซ์ยูส (Mix Use) เป็นต้นทั้งนี้เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพฯ อย่างเช่นช่วงต้นปีที่ผ่านมา
เมื่อกล่าวถึงการกระจายตัวออกสู่ต่างจังหวัดสำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยหนึ่งที่เป็นที่น่าจับตามองก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของเขตจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจ ที่จะสามารถรองรับตลาดแรงงานจำนวนมาก เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะโซนตะวันออก อย่างจังหวัดชลบุรี ที่มีความหลากหลายของทำเล เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากหลายบริษัท ประกอบกับนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีอยู่หลายแห่ง และการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกแห่งหนึ่งของไทย ก็ถือเป็นทำเลหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทดี-แลนด์กรุ๊ป จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ และสมุทรสาคร เปิดเผยถึงก้าวแรกของการก้าวเข้าไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโซนตะวันออกอย่างอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ถือเป็นทำเลที่มีแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในอัตราที่สูง ทำให้ในภาคของอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวตามไปด้วย ซึ่งจากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) ที่รายงานปริมาณที่อยู่อาศัยคงเหลือในเขตจังหวัดชลบุรี จากปีที่ผ่านมา พบว่าประเภทบ้านจัดสรรเหลือขายประมาณ 11,000 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวมประมาณ 35,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว เหลือขาย 4,600 หน่วย ทาวน์เฮาส์ เหลือขาย 4,000 หน่วย บ้านแฝด เหลือขาย 1,700 หน่วย และอาคารพาณิชย์พักอาศัย เหลือขาย 600 หน่วยประเภทโครงการอาคารชุดเหลือขาย 15,700 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขาย 50,400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรายงานถึงอัตราการดูดซับของบ้านจัดสรรในชลบุรี โดยอยู่ที่ร้อยละ 6.6 ซึ่งหากไม่มีการเปิดขายหน่วยบ้านจัดสรรใหม่เลย จะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 12-15 เดือน ส่วนอัตราการดูดซับของห้องชุดในชลบุรีอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7.8 โดยหากไม่มีการเปิดขายหน่วยห้องชุดใหม่เลย จะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 10-13 เดือน
ทั้งนี้ สำหรับครึ่งหลังของปี 2557 ศิริพงษ์ ได้ประเมินสถานการณ์ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในโซนศรีราชาว่า แม้ภาพรวมแล้วจะยังมีปริมาณคงเหลือสำหรับอสังหาฯ ประเภทต่างๆ เหลืออยู่พอสมควร แต่ก็คาดว่าจะยังมีโครงการใหม่ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการประเภทบ้านจัดสรร ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ สืบเนื่องจาก1. ปริมาณหน่วยเหลือขายของกลุ่มบ้านจัดสรรที่มีน้อยกว่ากลุ่มอาคารชุด 2. แนวโน้มในด้านของความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหากเจาะลึกเฉพาะในโซนอำเภอศรีราชา ก็จะพบว่าเป็นเขตเศรษฐกิจที่รายล้อมไปด้วยนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งดึงแรงงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาในพื้นที่ในปริมาณที่สูงมาก 3. แผนการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในระยะเวลาอันใกล้ อีกทั้งเมื่อมองถึงอนาคตสำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ที่ใกล้เข้ามา ก็จะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ในโซนดังกล่าวจะสูงขึ้นตามไปอีก
สำหรับโครงการแรกของ บริษัท ดี- แลนด์ กรุ๊ป จำกัด ที่ได้เปิดแนะนำโครงการเมื่องกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่สร้างความคึกคักให้กับธุรกิจอสังหาฯในพื้นที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี คือ โครงการ ดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา – นิคมปิ่นทอง 1 ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวม 500 ล้านบาท โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1 - 4 แวดล้อมด้วยทำเลการค้า ย่านธุรกิจ แหล่งท่องเที่ยว และสถานศึกษา อาทิ สวนเสือศรีราชา โรงเรียนอัญสัมชัญศรีราชา โรงพยาบาลสมิติเวช โรบินสัน และคอมมูนิตี้มอลล์ J-Park ฯลฯ สะดวกสบายด้วยการเดินทางเข้า-ออกได้ถึง 4 ทาง ได้แก่ ถนนมอเตอร์เวย์ ถนนบายพาส ถนนศรีราชา-หนองยายปู ถนนอัญสัมชัญ-หนองค้อ
ด้วยความโดดเด่นของทำเล โครงการ ดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา – นิคมปิ่นทอง 1 จึงถูกออกแบบเพื่อตอบสนองต่อการลงทุนที่ครบวงจรภายใต้แนวคิด Biz City ด้วยลักษณะโครงการเป็น มิกซ์ยูส (Mix Use) ที่เน้นมุมมองการใช้งานรูปแบบผสม เพื่อตอบสนองความต้องการได้ครบวงจรและครบทุกไลฟ์สไตล์ทั้งความต้องการด้านธุรกิจ และพักอาศัย บนเนื้อที่โครงการรวม 15 ไร่ และหลากหลายด้วยอาคารถึง 3 แบบภายในโครงการ ประกอบด้วย D Shopหรือ อาคารพาณิชย์4 ชั้น โดดเด่นด้วยหน้ากว้าง 5 เมตร ลึก 12 เมตร รวมพื้นที่ใช้สอยกว่า 265 ตารางเมตร เน้นออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานรูปแบบการค้าและการลงทุนสำหรับคนรุ่นใหม่ D Mix หรือ โฮมออฟฟิคแนวคิดใหม่สูง 3 ชั้นหน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร พร้อมการออกแบบพื้นที่ด้านหลังบ้านให้สามารถใช้งานเป็นพื้นที่จอดรถอย่างเป็นสัดส่วน พร้อมผสมผสานรูปแบบการใช้ชีวิตควบคู่กับการทำธุรกิจไว้อย่างลงตัว และตอบโจทย์กับไอเดีย D Residence อาคารพาณิชย์ 3 ชั้นกึ่งพักอาศัย เน้นฟังก์ชั่นขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ รวมถึงพื้นที่โถงด้านล่างที่สามารถเปิดธุรกิจและปรับฟังก์ชั่นได้ทุกรูปแบบ หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นธุรกิจห้องเช่าได้ทันที กับโปรโมชั่นช่วง Presale แถมเฟอร์นิเจอร์ครบเซท แอร์ทุกห้องนอน และฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอน ตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนสมัยใหม่ที่คุณสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่ต้องมีเงินก้อน “เพียงเปลี่ยนรายได้ค่าเช่ามาผ่อนชำระธนาคาร” โดยทั้ง 3 แบบ 3 สไตล์ ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3.9 ล้านบาท โดยหลังจากที่ได้มีการเปิดแนะนำโครงการไปเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนในพื้นที่ ด้วยยอดจองกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าโครงการจะเริ่มทยอยแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2558
“ถึงแม้ว่าตลาดอสังหาฯในโซนนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองจะมีการแข่งขันที่สูงมากแต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงเป็นทำเลที่มีแนวโน้มการขยายตัวที่สูงเช่นกัน จะเห็นได้จากการเปิดตัวของนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 3 และ 4 เพิ่มขึ้นในพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากหลายบริษัท และในปลายปี 2558 ที่จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเต็มรูปแบบก็จะเป็นอีกปัจจัยบวกในด้านความต้องการที่อยู่อาศัยในโซนนี้ อีกทั้งเมื่อมองในส่วนของระบบระบบสาธารณูปโภคและการพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่จะได้รับการก่อสร้างและพัฒนาเพิ่มอีกหลายสายในอนาคตอันใกล้ก็ล้วนส่งผลให้ศักยภาพในทำเลนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอน” ศิริพงษ์ กล่าวย้ำในตอนท้าย