กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์
จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพต่างๆ แสดงให้เห็นว่าการบริโภคผักและผลไม้ นอกจากจะเป็นแหล่งรวมของสารอาหารจำพวกวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยอาหารแล้ว ยังมีสารพฤกษเคมี หรือไฟโต เคมิคอลส์ ที่ช่วยป้องกันความเสื่อมและโรคเรื้อรังมากมาย ที่มีผลมาจากอิทธิพลของอนุมูลอิสระ ผลการศึกษาวิจัยพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระจากอาหาร ที่มีวิตามินซี วิตามินอี และเบต้า-แคโรทีน มีบทบาทช่วยในการชะลอความเสื่อมของร่างกายได้
ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ประธานฝ่ายวิชาการ ชมรมโภชนวิทยามหิดล กล่าวว่า ศัตรูตัวร้ายของสุขภาพและผิวพรรณ มาจากอนุมูลอิสระ ที่ร่างกายผลิตขึ้นเองในแต่ละวัน รวมไปถึงมลพิษต่างๆ จากสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่นละอองทางอากาศ ควันรถ ควันบุหรี่ แสงแดด ความเครียด โดยทั่วไปร่างกายสามารถขจัดอนุมูลอิสระได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จึงต้องอาศัยตัวช่วยจากอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากธรรมชาติ เช่น วิตามินซี วิตามินอี เบต้า-แคโรทีน และซีลีเนียม ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกอนุมูลอิสระทำลายและนำไปสู่ความเสื่อมก่อนวัย เช่น ริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิว โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรง มะเร็งบางชนิด เป็นต้น ซึ่งผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงอันดับต้นๆ ได้แก่ พรุน บลูเบอร์รี่ และคามูคามู
ปัจจุบัน คามูคามู ได้รับการพูดถึงมาก เพราะได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดผลไม้ที่มีผลการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่าเป็นแหล่งของวิตาซีสูงสุดในบรรดาผลไม้ทั้งหมด มีแหล่งกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ ผลสุกมีสีม่วงแดงเข้ม รสเปรี้ยว นักวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทั่วโลกได้ให้ความสนใจกับผลไม้คามูคามู เนื่องจากพบว่า คามูคามู ให้กรดอะมิโน วิตามิน และเกลือแร่ที่จำเป็น เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส และมีสารในกลุ่มโพลีฟีนอล และแคโรทีนอยด์ จำพวก ลูทีน ซีแซนทีน และเบต้า-แคโรทีนสูง
โดยมีผลการวิจัยพบว่า ผลไม้คามูคามูให้วิตามินซีสูงถึง 2,400-3,000 มิลลิกรัมต่อเนื้อผลสด 100 กรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณของวิตามินซีในส้มถึงประมาณ 60 เท่า เมื่อเทียบกับมะนาวก็พบว่ามีปริมาณวิตามินซีมากกว่าในมะนาวถึงประมาณ 58 เท่า และเมื่อเทียบกับอะเซโรล่า เชอร์รี่ ผลไม้ที่รู้จักกันดีว่าให้วิตามินซีสูง ซึ่งพบว่ามีวิตามินซี 1,357 มิลลิกรัมต่อเนื้อผลสด 100 กรัม แสดงว่าคามูคามูให้วิตามินซีสูงกว่าอะเซโรล่า เชอร์รี่ อีกด้วย และยังมีการศึกษาประโยชน์ด้านสุขภาพพบว่า ผลคามูคามู มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ การศึกษาในกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 100 คนโดยสุ่มให้ดื่มน้ำผลคามู คามู 100% เทียบกับการรับประทานวิตามินซีอัดเม็ด ซึ่งให้ปริมาณวิตามินซีเท่ากันคือ 1,050 มก. ต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน พบว่า กลุ่มที่ดื่มน้ำผลคามู คามู มีระดับตัวชี้วัดของภาวะการเกิดออกซิเดชั่นและภาวะการอักเสบลดลง ในขณะที่กลุ่มซึ่งได้รับวิตามินซีอัดเม็ดไม่ให้ผลดังกล่าว จึงอาจกล่าวสรุปได้ว่าการทานคามู คามู นอกเหนือจากได้รับวิตามินซีแล้ว ยังให้สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น แอนโธไซยานิน แคโรทีนอยด์ ที่ให้ประโยชน์ด้านสุขภาพ ในผลสดให้สารแอนโธไซยานินถึง 54 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม และโพแทสเซียมในคามู คามูยังช่วยในการดูดซึมวิตามินซีให้ดีขึ้นอีกด้วย
ด้วยคุณประโยชน์ของคามูคามูที่อุดมด้วยวิตามินซีสูง และคุณสมบัติที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนในชั้นโครงสร้างผิวและปกป้องเซลล์ผิวจากการโดนทำลาย ช่วยต่อต้านริ้วรอยช่วยให้ผิวพรรณสวยใส ปัจจุบันจึงเป็นที่นิยมนำผลไม้คามู คามู มาสกัดเป็นเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมไปถึงใช้ในเครื่องสำอางบำรุงผิว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค
นอกจากนี้ ยังมีผลไม้อื่นๆ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็น พรุนเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ให้ประโยชน์อย่างมากในการดูแลสุขภาพ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ สารโพลีฟีนอล โพแทสเซียม เหล็ก แมกนีเซียม และใยอาหาร มีสารฟีนอลซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ช่วยลดอนุมูลอิสระ ชะลอวัยเสื่อมก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้ยังช่วยบำบัดอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย จึงจัดได้ว่าพรุนเป็นหนึ่งในยอดผลไม้ที่ส่งเสริมสุขภาพอย่างแท้จริง รวมถึง บิลเบอร์รี่ ผลไม้ที่มีการบริโภคในยุโรปและอเมริกามายาวนาน เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสารพฤษเคมีที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ คือ แอนโธไซยาโนซายด์ รวมทั้งวิตามินเอ วิตามินซี และเกลือแร่ ฯลฯ มีงานวิจัยของบิลเบอร์รี่และสารสกัดแอนโธไซยาโนซายด์จากบิลเบอร์รี่ พบว่าช่วยส่งเสริมและป้องกันสุขภาพของดวงตาจากความผิดปกติต่างๆ และช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้นใครอยากมีสุขภาพดีและผิวพรรณอ่อนเยาว์ ก็ต้องลองหามารับประทานดู
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเพิ่มปริมาณการกินผักและผลไม้ในมื้ออาหารหลักของเราด้วยอาหารเมนูง่ายๆ ที่เราหารับประทานได้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ได้วิตามินสูงสุดในการบำรุงสุขภาพ และผิวพรรณ
1. อาหารเมนูผัก อาหารพื้นบ้าน คือ สารพัดน้ำพริก กับผักต้มนานาชนิด หรือเมนูชาวใต้ ที่อุดมไปด้วยผักเคียงกับอาหารรสจัดจ้าน ตามด้วยเมนูคนเมือง เช่น ผัดไท ผัดเปรี้ยวหวาน ขนมจีนน้ำยา กินกับผักสด หรือผักลวก นอกจากนี้ยังมีอาหารเวียดนามที่อุดมไปด้วยผักเช่นกัน ได้แก่ แหนมเนือง ปอเปี๊ยะสด
2. น้ำผลไม้ปลอดน้ำตาล เพิ่มความสดชื่นในยามเช้า แทนการดื่มชา กาแฟ น้ำหวาน หรือน้ำอัดลม ช่วยให้สมองทำงานได้ดี
3. กินผลไม้สดเป็นอาหารว่าง หรือจะเปลี่ยนเป็นโยเกิร์ตผสมผลไม้ สลับกับเต้าฮวยฟรุตสลัด ก็จะช่วยเพิ่มวิตามิน ได้ดีอีกด้วย