กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--มาเธอร์ ครีเอชั่น
“มาสเตอร์คูล” กางแผนครึ่งปีหลังบุกต่างประเทศ จ่อเปิดดีลเลอร์อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์ พัฒนาระบบบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์มุ่งลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมความพร้อมเข้าสู่การเปิดตลาดเออีซีอย่างเป็นทางการปี’58 เผยโกยยอดขาย 6 เดือนแรก 300ล้านบาท
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายพัดลมไอเย็น แบรนด์ “มาสเตอร์คูล” เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ในกลุ่มสินค้าพัดลมไอเย็นไปยังตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศแถบอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งจะใช้กลยุทธ์เปิดตลาดผ่านงานแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อค้นหาตัวแทนจำหน่ายที่มีศักยภาพ และคาดว่าภายในปี 2558 บริษัทจะสามารถเปิดตลาดได้ครบทุกประเทศในอาเซียน
หลังจากที่ผ่านมาบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายในกลุ่มประเทศดังกล่าวแล้ว กว่า 7 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น พม่า กัมพูชา เวียดนาม ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน โดยตลาดดังกล่าวนี้ทำยอดขายไปแล้วกว่า 15 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายของกลุ่มประเทศอาเซียนไว้ที่ประมาณ 25 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้าที่จะเปิดเออีซีอย่างเป็นทางการบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 50 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในส่วนของยอดขายสินค้ากลุ่มพัดลมไอเย็นในปีนี้ ถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุด เนื่องจากสภาวะอากาศประเทศไทยร้อนจัดและระยะยาวนานกว่าทุกปี ส่งผลให้ยอดขายในช่วง 6 เดือนแรก มีรายได้ สูงถึง 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้เท่ากับปีก่อนทั้งปี ดังนั้นคาดว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัท ราว 500 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ราว 450 ล้านบาท
ล่าสุด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดตลาดเออีซี 2558 อย่างเป็นทางการ บริษัทได้เข้าร่วม “โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์อุตสาหกรรมภาคกลางกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์” ที่จัดขึ้นโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ทำให้บริษัทได้ความรู้และความเข้าใจในการวางแนวทางการบริหารจัดด้านต้นทุนด้วยระบบโลจิสติกส์ให้มีความชัดเจนและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบการเพิ่มประสิทธิภาพในการหยิบสินค้าสำเร็จรูปด้วยการจัดผังคลังสินค้า และ ระบบการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้วยการใช้บาร์โค้ดตามมาตรฐานสากลแบบ GS1 ซึ่งถือว่าเป็นระบบการจัดการที่ดีที่จะส่งผลต่อการทำงานของบริษัทมีประสิทธิผลทั้งในด้านต้นทุนที่ลดลงและบุคคลากรทำงานสะดวก และมีความรวดเร็วต่อการจัดส่งสินค้าไปยังผู้บริโภค
“จากการเข้าร่วมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ ส่งผลให้มาสเตอร์คูลสามารถบริหารต้นทุนทั้งด้านของเวลา และค่าใช้จ่ายในส่วนของโลจิสติกส์ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดวางสินค้า และ การวางระบบการหยิบสินค้าที่อยู่ภายในสต็อค ทำให้มีการจัดส่งสินค้าไปยังผู้บริโภครวดเร็วขึ้น โดยที่ผ่านมาบริษัทพยายามพัฒนาระบบการจัดการด้านนี้มาโดยตลอด แต่ก็พบว่ายังมีปัญหาเรื่องระบบที่ยังไม่มีความชัดเจนภายในองค์กรส่งผลให้มีต้นทุนจากตรงนี้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้มองว่าการมีระบบการจัดการด้านต้นทุนที่ดีก็จะสนับสนุนให้องค์กรสามารถรับมือกับการแข่งขันในตลาดกลุ่มเครื่องทำความเย็นในอนาคตได้ ซึ่งคาดว่าจะมีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะปีหน้าเพราะเป็นปีแรกในการเข้าสู่เออีซี”นายนพชัย กล่าว