กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย Mega International Commercial Bank ในประเทศไต้หวัน (Mega ICBC-Taiwan) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรได้รับการปรับเพิ่มจากอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารในฐานะเป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์และการสนับสนุนทั้งด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารแม่ ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารมีพื้นฐานจากการที่ธนาคารมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง มีระบบบริหารความเสี่ยงที่เพียงพอ และมีความสามารถทางการแข่งขันในการให้สินเชื่อแก่นักลงทุนชาวไต้หวัน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากส่วนแบ่งทางการตลาดในสินเชื่อและเงินรับฝากของธนาคารที่มีขนาดเล็ก ตลอดจนเครือข่ายธุรกิจภายในประเทศที่มีจำกัด และการมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินเชื่อและเงินรับฝาก นอกจากนี้ การเติบโตของธนาคารในอนาคตอาจถูกกระทบจากปริมาณการลงทุนที่มีอย่างจำกัดของชาวไต้หวันในประเทศไทย รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะสามารถคงสถานะทางการเงินได้ตามที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังอยู่บนพื้นฐานว่าธนาคารจะยังคงบทบาทการเป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารแม่ในต่างประเทศ เนื่องจากธนาคารจะได้ประโยชน์ในการขยายขอบเขตธุรกิจได้อย่างไม่ยากเย็นและยังคงมีความยืดหยุ่นทางการเงิน
ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ได้เริ่มธุรกิจธนาคารในกรุงเทพฯ ภายใต้รูปแบบสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2490 และต่อมาได้ยกระดับขึ้นเป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในปี 2548 โดยให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าชาวไต้หวันและบริษัทที่เกี่ยวข้องกันที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทยเป็นหลัก ธนาคารถือเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารแม่ทั้งในด้านกลยุทธ์ รูปแบบการดำเนินธุรกิจ และระบบการปฏิบัติงาน โดยอาศัยความแข็งแกร่งด้านชื่อเสียงของธนาคารแม่เพื่อขยายธุรกิจในประเทศ ทั้งนี้ ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคารมาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างธนาคารแม่กับบริษัทไต้หวันที่ลงทุนหรือมีบริษัทลูกในประเทศไทย นอกจากนี้ วงเงินเสริมสภาพคล่องที่ได้รับจากธนาคารแม่ยังช่วยให้ธนาคารมีสภาพคล่องที่เพียงพอและเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินด้วย ธนาคารแม่ยังคงสถานะการเป็นผู้นำในธุรกิจเงินตราต่างประเทศและธุรกิจธนาคารในต่างประเทศโดยได้รับอันดับเครดิต “A1” จาก Moody’s Investors Service (Moody’s) และ “A” จาก Standard and Poor’s (S&P) ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทั้ง 2 สถาบัน
ณ เดือนธันวาคม 2556 ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ เป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์น้อยที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย 16 แห่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งของสินเชื่อและของเงินรับฝากเพียงประเภทละ 0.1% ธนาคารมีขอบเขตของธุรกิจค่อนข้างน้อยและมีเครือข่ายธุรกิจที่จำกัดโดยให้บริการทางการเงินผ่านสาขาในประเทศจำนวน 4 สาขา ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2556 ธนาคารมีสินเชื่อทั้งสิ้น 1.38 หมื่นล้านบาท ลดลง 3% จากปี 2555 ธนาคารมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกหนี้เนื่องจากมีลูกหนี้รายใหญ่จำนวนมาก อีกทั้งลูกหนี้ที่มีอยู่นั้นยังไม่ค่อยมีความหลากหลายทั้งในแง่ของประเภทธุรกิจและสถานที่ตั้ง
ธนาคารมีการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้นจากการลดลงของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (สินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน) ตั้งแต่ปี 2552 ถึงปี 2556 โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเท่ากับ 1.8% ในปี 2556 ลดลงจาก 3.2% ในปี 2552 นอกจากนี้ ธนาคารยังมีปริมาณสำรองหนี้สงสัยจะสูญส่วนเกินจำนวนมาก โดยมีสำรอง ณ สิ้นปี 2556 คิดเป็น 220% ของเกณฑ์ขั้นต่ำ ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง โดย ณ เดือนธันวาคม 2556 มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 30.2% และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 31.3% เงินกองทุนที่แข็งแกร่งนี้น่าจะเพียงพอสำหรับรองรับผลขาดทุนที่เกินกว่าที่คาดการณ์ในช่วงเศรษฐกิจขาลง
ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารยังคงเป็นที่น่าพอใจแม้ว่าจะลดลงจากปีที่แล้ว โดยในปี 2556 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท ลดลง 6% จากปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงตามการหดตัวของสินเชื่อ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในปี 2556 เท่ากับ 1.42% ลดลงจาก 1.51% ในปี 2555 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในปี 2556 ที่ระดับ 1.54%
ธนาคารมีสภาพคล่องและแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ โดยมีสินทรัพย์สภาพคล่องที่มากเพียงพอต่อความต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น และนอกจากเงินรับฝากแล้ว ธนาคารยังมีแหล่งเงินทุนสกุลเงินตราต่างประเทศจากสถาบันการเงินในต่างประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกันเพื่อใช้รองรับการให้สินเชื่อที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ โดย ณ เดือนธันวาคม 2556 โครงสร้างเงินทุนของธนาคารประกอบด้วยเงินรับฝากในสัดส่วน 47% ของเงินทุนรวม ส่วนของผู้ถือหุ้น 31% และเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารและในตลาดเงิน 22% ทั้งนี้ เงินรับฝากยังคงมีการกระจุกตัวโดยส่วนใหญ่มาจากลูกค้าบริษัทไต้หวันรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารแม่ช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องลงได้และยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่ธนาคารด้วย
ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (Mega ICBC)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable