กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
สายการบินเอทิฮัด สายการบินแห่งชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะเพิ่มการเชื่อมต่อแก่ผู้โดยสารระหว่างอินเดีย ยูเออีและตลาดสำคัญอื่นๆทั่วโลกให้มากขึ้น ต่อเนื่องจากการยกระดับการบริการสู่ โคชิ บังกาลอร์ เชนไน โคซิโคเด และไฮเดอราบัดในช่วงฤดูร้อนนี้
จากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของนักเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและธุรกิจ ทางสายการบินฯจะทำการเพิ่มเที่ยวบินเป็น 2 เที่ยวต่อวันไปยัง บังกาลอร์ เชนไน โคซิโคเดจตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และ ไฮเดอราบัด ตั่งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารสามารถเลือกว่าจะเดินทางในช่วงเวลากลางวัน หรือกลางคืน พร้อมทั้งปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างอินเดียและตลาดสำคัญอื่นๆ ในกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป และอเมริกาเหนือ
เที่ยวบิน 2 เที่ยวต่อวัน ได้เริ่มให้บริการแล้วในเส้นทางโคชิเมื่อเดือนที่ผ่านมา และในเส้นทาง มุมไบ และนิวเดลี เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2556 เพื่อตอบสนองแผนการพัฒนาระยะยาวในอินเดีย
สายการบินฯ จะใช้เครื่องบินแอร์บัส A320 ลำใหม่ที่จะมีการรับมอบในปีนี้เพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น เครื่องบินแบบลำตัวกว้างได้มีการเริ่มใช้แล้วในบางเส้นทางตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 อาทิ เที่ยวบินกลางคืนสู่มุมไบโดยเครื่องบินแอร์บัส A340 ในทั้ง 3 ระดับชั้น นับเป็นการเปิดตัวที่นั้งชั้นเฟิร์ส คลาส ของสายการบินเอทิฮัดในเส้นทางนี้เป็นครั้งแรก และเครื่องบินแอร์บัส A330 สำหรับเที่ยวบินกลางคืนสู่ เดลี
เมื่อเร็วๆนี้เที่ยวบินสู่ โคชิ ได้ยกระดับการบริการ โดยการใช้ เครื่องบินแอร์บัส A321ลำใหม่ และสำหรับเที่ยวบินข้ามคืนสู่ เดลี จะเพิ่มการบริการด้วยเครื่องบิน โบอิ้ง 777 ในทั้ง 3 ระดับชั้น ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม เป็นต้นไป
นอกจากเที่ยวบินจำนวน 7 เที่ยวที่ได้ให้บริการ หรือที่ได้วางแผนบริการ 2 เที่ยวต่อวัน สายการบินเอทิฮัด ยังให้บริการเที่ยวบินรายวันสู่ อาเมดาบัด ตริวันดรัม และเร็วๆนี้สู่ ชัยปุระ ที่ได้เริ่มให้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2557
มร.เจมส์ โฮแกน ประธานและประธานกรรมการบริหารสายการบินเอทิฮัด กล่าวว่า “ในฐานะที่อินเดีย เป็นตลาดการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุด ใหญ่ที่สุด และน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อินเดียจึงมีบทบาทสำคัญต่อแผนการเติบโตของเรา และในปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียวมีผู้โดยสารกว่า 885,000 ใช้บริการเที่ยวบินเส้นทางอินเดียของเรา ซึ่งเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว
“สายการบินเอทิฮัดจะดำเนินการขยายการดำเนินงานสู่ประเทศอินเดีย และทำงานร่วมกับ สายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ขึ้นกับการได้รับอนุมัติตามกฏระเบียบ เพื่อรองรับการเติบโตนี้และเพิ่มทางเลือก ในการเดินทางทั้งขาเข้าและออกจากประเทศอินเดียที่มากยิ่งขึ้น”
เมื่อเดือนที่ผ่านมา สายการบินเอทิฮัดได้แจ้งให้ทราบถึงการขยายข้อตกลงเที่ยวบินร่วมครั้งสำคัญกับสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ หลังจากที่ทั้ง 2 สายการบินฯ ได้รับอนุมัติตามกฏระเบียบเที่ยวบินร่วมในอีก 43 เส้นทางแล้ว ทำให้ปริมาณการให้บริการในข้อตกลงเที่ยวบินร่วม เพิ่มเป็น 71 เส้นทาง
สายการบินเอทิฮัดจะใช้รหัส EY ในเที่ยวบินภายในประเทศอินเดียอันเป็นส่วนหนึ่งจากการขยายข้อตกลงในครั้งนี้ สืบเนื่องจากข้อตกลงเที่ยวบินร่วมในครั้งนี้จะรวม 31 เส้นทางบินของ สายการบินเจ็ท แอร์เวย์ จากศูนย์กลางทางการบินใน มุมไบ เดลี เชนไน และบังกาลอร์ เข้าสู่ศูนย์กลางภูมิภาคใน อาเมดาบัด อัมริตซาร์ กัว ไฮเดอราบัด ชัยปุระ โคชิ โกลกาตา ลัคเนา มังกาลอร์ ปัฏนา ตริวันดรัม และ วโททระ
รวมไปถึงเที่ยวบินของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ระหว่าง อาบูดาบีและบังกาลอร์ เชนไน โคชิน เดลี มุมไบ ไฮเดอราบัด และเที่ยวบินของสายการบินเอทิฮัดระหว่างอาบูดาบีและอาเมดาบัด บังกาลอร์ เชนไน ไฮเดอราบัด โคชิ โคซิโคเด มุมไบ นิวเดลีและตริวันดรัม
มร.เจมส์ โฮแกน ยังได้กล่าวเสริมอีกว่า “การขยายความร่วมมือในเที่ยวบินร่วมครั้งนี้ นับเป็นก้าวย่างแห่งพัฒนาการที่สำคัญสำหรับทั้ง 2 สายการบิน และยังเป็นการใช้รหัส EY บนเที่ยวบินภายในประเทศ ของอินเดียเป็นครั้งแรก ซึ่งข้อตกลงนี้ยังรวมถึงการให้บริการที่มากขึ้นกว่าที่เคยระหว่างอาบูดาบีและอินเดีย ช่วยให้นักเดินทางเข้าถึงเครือข่ายในการเดินทางที่มากขึ้น ด้วยเที่ยวบินที่มากขึ้นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น”
เส้นทางเที่ยวบินร่วมใหม่ได้เริ่มเปิดให้สำรองที่นั้งแล้วแล้ว ซึ่งสมาชิกโปรแกรมการสะสมไมล์ เอทิฮัด เกสท์ และเจ็ท พริวิลเลจ สามารถร่วมสะสมและแลกไมล์เดินทางได้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ในเครือข่ายระดับโลกซึ่งกันและกันระหว่างทั้ง 2 สายการบิน